การคาดการณ์ราคาจะช่วยผู้ร่วมตลาดในการจัดการความเสี่ยงด้านราคา สร้างกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง (Hedging Strategy) และตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ในตลาดการเงินบนพื้นฐานข้อมูลได้ ทั้งนี้ การคาดการณ์ราคาถือเป็นการคาดเดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการพยากรณ์ราคาในระยะยาว ดังนั้นนักลงทุนควรใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นเครื่องมือเสริมในการตัดสินใจ และไม่ใช้เป็นแหล่งข้อมูลคำแนะนำหลักในการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย
โลหะเงินถือเป็นหนึ่งในโลหะมีค่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในระดับเดียวกับทองคำ มนุษย์นำโลหะเงินมาใช้ในการสร้างเหรียญและเครื่องประดับมานานหลายศตวรรษ นอกจากนี้ โลหะเงินยังถือเป็นการลงทุนยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่พยายามรักษาสินทรัพย์ของตนไว้ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ
โลหะเงินมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มนุษย์ในหลายอารยธรรมใช้โลหะเงินเป็นสกุลเงิน ชาวกรีกและโรมันยังนำไปใช้อย่างกว้างขวางเป็นเครื่องประดับและทำเป็นเครื่องใช้อีกด้วย ความสำคัญของโลหะเงินเพิ่มขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 เมื่อสเปนก่อตั้งอาณานิคมในอเมริกาใต้ และดำเนินกิจการเหมืองเงินที่มีผลผลิตจำนวนมาก
โลหะมีค่ายังมีบทบาทสำคัญในสหรัฐอเมริกาในช่วงที่สหรัฐฯผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่สำคัญ การค้นพบ Comstock Lode กระตุ้นให้เกิดการส่งเสริมการขุดแร่เงินครั้งใหญ่
นอกเหนือจากการเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่สำคัญแล้ว ในปัจจุบัน โลหะเงินยังคงใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องประดับ ไปจนถึงตัวนำไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกด้วย
ราคาโลหะเงินโดยทั่วไปจะมีหน่วยเป็นทรอยออนซ์ (Troy Ounce) ราคาโลหะเงิน LBMA เป็นเกณฑ์มาตรฐานสากล โดยจะมีการกำหนดราคา ณ เวลา 12:00 GMT ของแต่ละวันทำการ ผู้ร่วมตลาดหลายฝ่ายมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ ตั้งแต่ผู้ค้าอัญมณี ผู้ประกอบสินค้า และช่างเจียระไน ไปจนถึงธนาคารเพื่อการลงทุนและธนาคารกลาง
โลหะเงินมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และทำให้โลหะเงินมีความน่าสนใจน้อยลงสำหรับนักลงทุน เนื่องจากโลหะมีค่าจะไม่สร้างผลตอบแทนใดๆ อุปสงค์ของโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในภาวะที่ตลาดต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และโลหะเงินถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
ปี |
ราคาเฉลี่ยต่อออนซ์ |
1969 |
$1.80 |
1979 |
$11.07 |
1980 |
$20.98 |
1990 |
$4.83 |
2000 |
$4.95 |
2008 |
$14.99 |
2010 |
$20.19 |
2020 |
$20.69 |
2022 |
$21.76 |
2023 |
$23.96 |
ราคาโลหะเงินค่อยๆ เพิ่มขึ้นในช่วงสามไตรมาสแรกของศตวรรษที่ 20 โดยมีความผันผวนเพียงเล็กน้อย ในปี 1980 โลหะมีค่ามีราคาเพิ่มขึ้นแบบตัวบ่งชี้แนวโน้ม Parabolic ตามแรงผลักดันจากความพยายามของพี่น้องตระกูล Hunt เพื่อใช้อิทธิพลในการควบคุมกลไกตลาด ในปี 1979 สามพี่น้องเริ่มสะสมโลหะเงินจำนวนมาก ซึ่งจบลงด้วยการที่พวกเขากลายเป็นเจ้าของหนึ่งในสามของปริมาณแร่เงินในโลกที่รัฐบาลไม่ได้เป็นเจ้าของ
ราคาโลหะเงินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 50.35 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 700% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่ราคาเริ่มเย็นลง พี่น้องตระกูล Hunt ไม่สามารถวางเงินหลักประกันตามข้อกำหนดได้ ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกในตลาด ในที่สุดกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯก็เข้ามาจัดหาวงเงินสินเชื่อให้กับสามพี่น้อง ซึ่งช่วยไม่ให้โบรกเกอร์หลายเจ้าต้องล้มละลาย
ราคาโลหะเงินทรุดตัวลงหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงยุค 1980 ตามด้วยการพักฐานในช่วงยุค 1990
ความสนใจในโลหะเงินเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงยุค 2000 เนื่องจากวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่ได้กระตุ้นให้เกิดความตื่นตระหนกในการรักษามูลค่าของสินทรัพย์ ราคาโลหะมีค่าพุ่งทะลุ 20 ดอลลาร์ในปี 2008 เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ราคาทรุดตัวลงหลังจากนั้นไม่นาน แต่ราคาก็กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2011 เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตยูโรโซนและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่กินวงกว้างที่ธนาคารกลางทั่วโลกนำมาใช้
แต่แรงกระตุ้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว ราคาโลหะเงินถอยหลังและตกลงเหลือราว 15 ดอลลาร์ในปี 2014 เพียง 3 ปีหลังจากที่เกือบแตะ 50 ดอลลาร์อีกครั้ง
โลหะเงินได้รับแรงผลักดันอีกครั้งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกในการรักษามูลค่าของสินทรัพย์ ตั้งแต่นั้น ราคาก็มีการพักฐานเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยได้จำกัดเพดานราคาเอาไว้
แหล่งข้อมูล |
2024 |
2025 |
2030 |
2040-2050 |
Reuters poll |
$24.85 | * | * | * |
Investing Haven |
$34.70 | * | * | * |
Capital Economics |
$27 | * | * | * |
Physical Gold |
$27 | * | * | * |
JPMorgan |
$30 | * | * | * |
Commerzbank |
$30 | * | * | * |
Pictet |
$27 | * | * | * |
Saxo Bank |
$30 | * | * | * |
Investing Cube |
* | $34 - $50 | $50 | $50+ |
PricePrediction.net |
$35.21 | $52.16 | $337.82 | $20,658 |
* ไม่มีการคาดการณ์ราคาในปีนี้จากแหล่งข้อมูลนี้
ประสิทธิภาพต่อราคาของโลหะเงินในปี 2024 มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการตัดสินใจนโยบายด้านการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในความสนใจในปี 2024 เนื่องด้วยสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินต่อไป และความเสี่ยงด้านความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่กินวงกว้างขึ้น ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มที่จะผลักดันให้นักลงทุนเปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งรวมถึงโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน ความขัดแย้งครั้งใหม่หรือการเพิ่มระดับความขัดแย้งที่มีอยู่อาจทำให้ราคาโลหะเงินสูงขึ้นได้
นักลงทุนส่วนใหญ่ชอบการลงทุนที่มีความมั่นคงและคาดการณ์ได้ ตัวอย่างเช่น หากทรัมป์เอาชนะไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึงได้ เศรษฐกิจก็อาจได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวพันกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะเทไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำจนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนขึ้น เพราะเหตุจากความไม่แน่นอนว่าทรัมป์จะได้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สองหรือไม่ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคาของโลหะเงิน
อัตราดอกเบี้ยสูงทำให้โลหะเงินมีความน่าสนใจน้อยลงสำหรับนักลงทุน เนื่องจากโลหะมีค่าจะไม่สร้างผลตอบแทนใดๆ ดังนั้น การถือเงินสดแทนจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าสำหรับนักลงทุน แต่หากธนาคารกลางสหรัฐเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 โลหะเงินก็จะกลายเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ 30 รายที่จัดทำโดย Reuters แสดงให้เห็นว่าพวกเขาคาดว่าโลหะมีค่าจะแข็งค่าขึ้นในปี 2024 โดยได้แรงหนุนจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางและการที่ธนาคารกลางเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ผลสำรวจคาดการณ์ราคากลางสำหรับโลหะเงินไว้ที่ 24.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2024
Investing Haven คาดการณ์ว่าราคาโลหะเงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 34.70 ดอลลาร์ในปี 2024 Investing Haven ตั้งข้อสังเกตว่าตัวชี้วัดนำทั้งหมดเป็นสัญญาณชี้ว่าตลาดกระทิง ซึ่งได้แก่ ราคาทองคำ, ค่าเงินยูโร (ความสัมพันธ์ผกผันกับดอลลาร์สหรัฐ), การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ และการวางตำแหน่งตลาดล่วงหน้า Investing Haven ยังชี้ให้เห็นว่ามีสัญญาณบ่งชี้ว่าการขาดแคลนอุปทานในตลาดโลหะเงินอาจรุนแรงขึ้น
Capital Economics คาดการณ์ว่าโลหะเงินจะมีประสิทธิภาพต่อราคาที่ดีขึ้นในปี 2024 เนื่องจากอุปสงค์ของสินค้าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 27 ดอลลาร์
Physical Gold ได้ออกการคาดการณ์ที่คล้ายกัน โดยคาดการณ์ว่าโลหะเงินจะแตะ 27 ดอลลาร์ในปี 2024 โดย Physical Gold คาดการณ์สาเหตุจากอุปสงค์ของสินค้าที่เพิ่มขึ้น และอัตราส่วนทองคำ/โลหะเงินที่แคบลง
JP Morgan ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนของสหรัฐ คาดว่าโลหะเงินจะแตะ 30 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2024 โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง
Commerzbank คาดว่าโลหะเงินจะพุ่งขึ้นเป็น 30 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2024 Commerzbank ตั้งข้อสังเกตว่าปัจจัยที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อัตราดอกเบี้ยสูงและอุปสงค์ด้านการลงทุนที่ลดลงจะหายไปในปี 2024 และอุปสงค์ของสินค้าที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มราคาโลหะเงิน
Pictet ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนข้ามชาติของสวิส มองว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้นในปี 2024 ส่งผลให้อุปสงค์ของสินค้าโลหะเงินเพิ่มขึ้น ธนาคารเพื่อการลงทุนเน้นการลงทุนในโลหะเงินมากกว่าทองคำสำหรับปี 2024 เนื่องจากธนาคารคาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลงของธนาคารกลางและการขาดดุลทางกายภาพในระยะยาวจะทำให้ราคาของโลหะมีค่าเป็นต่อ ธนาคารเพื่อการลงทุนคาดการณ์ว่าราคาโลหะเงินจะสูงถึง 27 ดอลลาร์ในปี 2024
Saxo Bank ซึ่งเป็นธนาคารในเดนมาร์ก มองว่าราคาโลหะเงินจะแตะ 30 ดอลลาร์ในปี 2024 และอัตราส่วนทองคำต่อเงินจะลดลงเหลือ 78.3 Saxo Bank คาดการณ์ว่าอุปสงค์ของ ETF (Exchange Traded Funds) จะเพิ่มขึ้น อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารกลางและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้น
โดยปกติแล้วธนาคารรายใหญ่และนักวิเคราะห์ตลาดชั้นนำจะทำการคาดการณ์ราคาในระยะสั้นถึงระยะกลางเท่านั้น โดยเฉพาะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีความผันผวนสูงและเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์หรือสภาพอากาศที่รุนแรงสามารถนำไปสู่การแกว่งตัวของราคาอย่างรุนแรงได้ ความผันผวนนี้ทำให้ยากต่อการคาดการณ์ราคาในระยะยาว
ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้วนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าโลหะเงินจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากนักลงทุนจะยังคงแสวงหาวิธีรักษามูลค่าสินทรัพย์ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์หลายคนยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าอุปสงค์ของสินค้าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจขยายตัว
Investing Cube คาดว่าการซื้อขายโลหะเงินจะอยู่ที่ 34 ถึง 50 ดอลลาร์ในปี 2025
Robert Kiyosaki ผู้เขียน "Rich Dad Poor Dad" มองว่าโลหะเงินเป็น "การต่อรองด้านการลงทุนที่ดีที่สุด" และคาดการณ์ว่าโลหะมีค่าจะมีการซื้อขายที่ราคา 500 ดอลลาร์ภายในปี 2025
Minerals Council of Australia ไม่ได้คาดการณ์ช่วงราคาที่เจาะจง แต่คาดว่าราคาโลหะเงินจะเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2030 สมาคมตั้งข้อสังเกตว่าอุปสงค์ของโลหะเงินจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีประชากรจำนวนมากหลายประเทศกำลังสร้างตลาดใหม่ๆ สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค สมาคมยังมองว่าการผลิตโซลาร์เซลล์มีการใช้โลหะเงินปริมาณมาก ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโต
PricePrediction.net คาดการณ์ว่าโลหะเงินจะมีการซื้อขายที่ราคาเฉลี่ย 337.82 ดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยใช้เครื่องมือที่ได้รับการสนับสนุนโดยปัญญาประดิษฐ์เชิงลึก
Investing Cube คาดการณ์ว่าการซื้อขายโลหะเงินจะพุ่งไปแตะราคาที่สูงกว่าปี 2011 ซึ่งจะถือเป็นมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 50 ดอลลาร์ภายในปี 2030 Investing Cube คาดว่าสำหรับปี 2040 โลหะเงินมีโอกาสจะซื้อขายในราคาที่สูงกว่า 50 ดอลลาร์ได้
เนื่องจากความผันผวนสูงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ การคาดการณ์ราคาจนถึงปี 2050 จึงทำได้ยาก แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็มองว่าตลาดโลหะเงินจะเป็นตลาดกระทิงในระยะยาว
Reda Farran ได้ตั้งข้อสังเกตในโพสต์ของเขาบน Finimize ว่า มีงานวิจัยหนึ่งที่คาดการณ์ว่าการลงทุนในภาคพลังงานแสงอาทิตย์อาจใช้ทรัพยากรโลหะเงินทั่วโลกหมดไป 85% ถึง 98% ภายในปี 2050 การขาดแคลนอุปทานอาจทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาของโลหะเงินจะสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในระยะสั้น โลหะเงินอาจได้รับประโยชน์จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงของธนาคารกลางสหรัฐ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในระยะกลางถึงระยะยาว นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าอุปสงค์ของสินค้าโลหะเงินจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดแคลนอุปทานและราคาที่สูงขึ้นได้
พร้อมที่จะเทรดในความได้เปรียบในแบบของคุณหรือยัง?
เข้าร่วมกับเทรดเดอร์หลายหมื่นรายและซื้อขายหุ้น CFD ในฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล!
การอ้างอิงถึงการคาดการณ์และผลงานที่ผ่านมาไม่ถือเป็นตัวบ่งชี้ผลงานในอนาคตที่เชื่อถือได้
รูปภาพที่แสดงมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบภาพเท่านั้น ข้อมูลมาจากผู้ให้บริการบุคคลที่สาม
ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินหรือคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ ไม่ถือเป็นคำแนะนำ ข้อเสนอในการซื้อหรือขาย หรือการชักชวนให้เสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือตราสารใดๆ หรือการเข้าร่วมในกลยุทธ์การซื้อขายใดๆ ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นโดยไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานะทางการเงิน และความต้องการของคุณ Axi ไม่รับรองและไม่รับผิดชอบใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเนื้อหาในสิ่งพิมพ์นี้ ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณด้วยตนเอง