• /int
  • /eu
  • /uk
  • /au
  • http://www.axi.group/ar-ae
  • http://www.axi.group/en-ae
  • http://www.axiedge.site/en-my
  • http://www.axiedge.site/cn
  • /chn
  • /es-mx
  • /fr-ma
  • http://www.edge-cn.co/id
  • /it-ch
  • /jp
  • /kr
  • /pl
  • /pt
  • /th
  • /tw
  • http://www.axiedge.site/vn
  • /zh-au
  • /za
  • http://www.solarisih.com/vu
Form not found

การคาดการณ์/พยากรณ์ราคาทองคำในปี 2024-2050

Commodities /
Axi Team

เกี่ยวกับการคาดการณ์และพยากรณ์ราคา

การคาดการณ์หรือ “พยากรณ์” ราคา อาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยนำทางคุณในโลกของการซื้อขายและการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซับซ้อนและมักจะมีความผันผวน แม้ว่าการคาดการณ์ราคาจะเป็นในลักษณะคาดเดา และไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้ แต่สามารถช่วยให้ผู้ที่ลงเล่นในตลาดจัดการความเสี่ยงด้านราคา สร้างกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง และในท้ายที่สุด จะช่วยให้ตัดสินใจอย่างมีข้อมูลประกอบมากขึ้นเกี่ยวกับการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในตลาดการเงิน

ธนาคารและผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินรายใหญ่ใช้การผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ประวัติข้อมูล การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน  การวิเคราะห์ทางเทคนิค และตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เพื่อคาดการณ์ราคาสินทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ

 

ทองคำคืออะไร และมีปัจจัยใดที่กระทบต่อราคาทองคำบ้าง

ทองคำมีความโดดเด่นเนื่องจากเป็นหนึ่งในโลหะที่มีค่ามากที่สุดและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก โดยมีการใช้อย่างแพร่หลายในวงการอัญมณีและอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยบทบาทของทองคำในอดีตในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ โดยสามารถรักษามูลค่าไว้ได้นานนับพันปี จึงทำให้ทองคำเป็นการลงทุนที่ไว้วางใจได้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน

ด้วยมูลค่าที่แท้จริงในระยะยาว ทองคำจึงสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงโดยรวมลง ราคาทองคำยังคงได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมือง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน

ความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีการเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้ เนื่องจากราคาทองซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยทั่วไปแล้ว ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ เนื่องจากจะทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น เมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทองคำอาจมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนในสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการลดลง เมื่อคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นหรือเกินอัตราดอกเบี้ยที่กำหนด และตลาดหุ้นคาดว่าจะตก นักลงทุนอาจหันไปหาทองคำเพื่อเก็บสะสมมูลค่า ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น

การตัดสินใจของธนาคารกลางและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลต่อราคาทองคำได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นได้

รัฐบาล นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของซัพพลายทองคำอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นของหายาก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ทองคำมีมูลค่าสูงมานานหลายศตวรรษ โดยทั่วไปแล้ว ทองคำไม่เสี่ยงต่อราคาสวิงมากนักและไม่มีความผันผวนสูง แต่โดยทั่วไปแล้ว ทองคำจะเติบโตไปพร้อมกับประโยชน์ใช้สอยของมัน ซึ่งหมายความว่าการคาดการณ์ราคาทองคำในอนาคตในอีกสิบปีข้างหน้านั้นคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ที่คาดการณ์เหล่านี้สามารถทำกำไรได้ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ทองคำถือว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเสี่ยงในการซื้อขายทองคำและการลงทุนเลย เมื่อตลาดหุ้นขึ้น ราคาทองคำก็อาจลดลงได้

 

ประสิทธิภาพด้านราคาที่ผ่านมา

ปี

ราคาเฉลี่ยต่อออนซ์

1833-49

$18.93

1945

$34.71

1972

$58.42

1975

$160.86

1979

$306

1980

$615

2010

$1,224.53

2020

$1,773.73

2022

$1,801.87

2023

$1,934.86

ตั้งแต่สมัยโบราณ ทองคำมีคุณค่าในแง่ความสวยงามและความหายาก ในช่วงศตวรรษที่ 19 หลายประเทศนำระบบมาตรฐานทองคำมาใช้ โดยผูกสกุลเงินประเทศของตนเข้ากับทองคำตามจำนวนที่กำหนด ในช่วงเวลานี้ ราคาทองคำจะค่อนข้างคงที่และมีอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินที่ตายตัว ช่วงเวลาระหว่างปี 1880 ถึง 1914 เป็นที่รู้จักกันในชื่อระบบมาตรฐานทองคำคลาสสิก ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีการค้าขายสินค้า แรงงาน และเงินทุนอย่างค่อนข้างเสรี

การก่อตั้ง Bretton Woods Accord ในปี 1944 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาทองคำ ภายใต้ระบบ Bretton Woods ประเทศที่เข้าร่วมตกลงที่จะตรึงสกุลเงินประเทศของตนไว้กับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในทางกลับกัน การนำเงินมาแลกเป็นทองคำก็มีอัตราตายตัวที่ 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดอลลาร์สหรัฐจึงกลายเป็นสกุลเงินสำรองสกุลหลักของโลก และสกุลเงินอื่นๆ ก็ถูกผูกไว้กับอัตราแลกเปลี่ยนตายตัว

ในปี 1971 ประธานาธิบดี Richard Nixon ตัดสินใจยุติระบบ Bretton Woods ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อราคาทองคำและระบบการเงินทั่วโลก การตัดสินใจครั้งนี้หมายความว่ารัฐบาลต่างประเทศและธนาคารกลางไม่สามารถนำเงินดอลลาร์สหรัฐที่ตนถือครองอยู่มาแลกเปลี่ยนเป็นทองคำในอัตราตายตัวได้อีกต่อไป ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนเกิดความผันผวนอย่างหนัก ในช่วงเวลานั้น ราคาทองคำอยู่ที่ 43.15 ดอลลาร์

ในเดือนมกราคม 1980 ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงเท่านั้น แต่ยังเกิดจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย เนื่องจากเกิดการปฏิวัติอิหร่านและโซเวียตบุกอัฟกานิสถาน

ราคาทองคำทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ที่ 1,011 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในเวลาเพียง 9 เดือน ซึ่งนับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของราคาทองคำ

แหล่งข้อมูล

ในเดือนสิงหาคม 2020 ราคาทองคำทำลายสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยมีราคาเกิน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งมีแรงผลักดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นการคลัง และอัตราดอกเบี้ยที่ตกต่ำ

ในเดือนธันวาคม 2023 ราคาทองคำก็ทุบสถิติอีกครั้ง โดยพุ่งขึ้นไปเกิน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการเงินใหม่ของธนาคารกลางที่จะเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย

 

การคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2024-2050

ราคาต่อออนซ์

แหล่งข้อมูล / ปี

2024

2025

2030

2040

2050

Bloomberg

$1,913.63 - $2,224.22 $1,709.47 - $2,727.94 * * *

The World Bank

$1,950 * * * *

JP Morgan Chase & Co

$2,175 * * * *

Goldman Sachs

$2,050 $1,970 - $2,050 * * *

ING

$2,031 * * * *

* ไม่มีการคาดการณ์ราคาในปีนี้จากแหล่งข้อมูลนี้

 

การคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2024

JPMorgan Chase & Co. คาดการณ์ถึงโอกาสในการลงทุนในทองคำก่อนที่สหรัฐฯ อาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรอบใหม่โดย US Federal Reserve โดยมีการคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2023 ในเดือนธันวาคม 2023 ราคาทองคำจะแตะ 2,071 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการเงินใหม่ของธนาคารกลางและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลง ราคาทองคำอาจทำลายสถิติใหม่ในปี 2024 JP Morgan ตั้งราคาเป้าหมายเฉลี่ยของทองคำแท่งไว้ที่ 2,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024

Bloomberg Terminal คาดการณ์ราคาทองคำสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ไว้ที่ระหว่าง 1,913.63-2,224.22 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Goldman Sachs คาดว่าราคาทองคำจะมีส่วนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยและการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงตั้งราคาเป้าหมายของทองคำในปี 2024 เพิ่มเป็น 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดียอาจส่งผลต่อราคาทองคำเช่นกัน

แหล่งข้อมูล

ING คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,031 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2024 โดยมีค่าเฉลี่ยในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แหล่งข้อมูล

The World Bank ประเมินว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ในปี 2023 โดยคาดการณ์ว่าความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยเป็นที่ต้องการมากขึ้นของนักลงทุน โดยคาดการณ์ว่าราคาเฉลี่ยในปี 2024 จะอยู่ที่ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แหล่งข้อมูล

 

การคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2025

ธนาคารหลายแห่ง รวมถึง Goldman Sachs, Citi, ANZ และ Commerzbank ได้ปรับเพิ่มราคาทองคำที่คาดการณ์ไว้ตอนแรก เนื่องจากเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตการธนาคาร นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ในตอนแรกคาดว่าราคาทองคำจะยังคงทรงตัวในช่วงระหว่างปี 2023 ถึง 2026 ที่ประมาณ 1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองคำในรอบ 12 เดือนเป็น 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์

Bloomberg Terminal คาดการณ์ราคาทองคำสำหรับปี 2025 ไว้ที่ระหว่าง 1,709.47 ถึง 2,727.94 ดอลลาร์

Mike McGlone นักยุทธศาสตร์ด้านข่าวกรองของ Bloomberg คาดการณ์ว่าทั้งราคาทองคำและ Bitcoin ในเวอร์ชันดิจิทัลจะแข็งค่าขึ้นภายในปี 2025 ราคาทองคำแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างโดดเด่น โดยเพิ่มขึ้น 84% นับตั้งแต่ปี 2015 เมื่อ Fed เพิ่งเริ่มมาตรการที่ตึงตัว และอาจพุ่งไปถึง 7,000 ดอลลาร์ภายในปี 2025

แหล่งข้อมูล

 

การคาดการณ์ราคาทองคำหลังจากปี 2025

โดยทั่วไปแล้ว นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์เชื่อกันว่าราคาทองคำจะยังคงสูงขึ้นต่อไปในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ราคาทองคำหรือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในอีกสองทศวรรษข้างหน้าอย่างเป๊ะๆ เนื่องจากราคาจะขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง และปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้น

ธนาคารและผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินรายใหญ่ส่วนใหญ่ เช่น Bloomberg ให้ข้อมูลคาดการณ์ราคาในระยะสั้นเท่านั้น เหตุผลเพิ่มเติมก็คือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อาจมีความผันผวนสูง และการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในปัจจัยด้านดีมานด์หรือซัพพลาย รวมถึงเหตุการณ์ภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หรือเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง ก็อาจทำให้ราคาแกว่งได้อย่างไม่คาดคิด ความผันผวนนี้ทำให้คาดการณ์อย่างแม่นยำได้ยาก

แม้ว่าการคาดการณ์ราคาในระยะยาวจะมีความซับซ้อน แต่ก็มีสถานการณ์และการคาดการณ์ราคาทองคำในระยะยาวในรูปแบบต่างๆ ในช่วงปี 2030-2050 มีตั้งแต่ที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะสูงถึง 10,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำจะเข้ามาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐควบคู่ไปกับ Bitcoin และแม้แต่สถานการณ์ที่ทองคำจะหมดไปภายในปี 2050 ทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มสูงขึ้น

 

การคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2030

สถานการณ์ราคาทองคำ 7,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ดูเหมือนจะยังคงอยู่ในการคาดการณ์ทองคำในปี 2030 ในกรณีที่สมเหตุสมผลที่ทองคำจะขึ้นไปถึง 7,000 ดอลลาร์ภายในปี 2030 นักเศรษฐศาสตร์ Charlie Morris คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทะลุเพดาน 7,000 ดอลลาร์ Morris อธิบายว่าทองคำเป็นสินทรัพย์หลักชั้นนำในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาทั้งๆ ที่ทองคำไม่ได้ให้ผลตอบแทนโดยตรง

นักวิเคราะห์การลงทุน Jim Puplava คาดการณ์ว่าตลาดทองคำจะอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างมากภายในปี 2030 โดยกล่าวว่าข้อมูลประชากรและโลกาภิวัตน์จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ ในขณะที่ราคาทองคำไม่ถึง 300 ดอลลาร์ Puplava ทำนายได้อย่างถูกต้องว่าราคาของโลหะมีค่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นเป็นเวลา 10 ปี

แหล่งข้อมูล

ตามรายงานการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเงิน “In Gold We Trust” ประจำปี 2023 โดยผู้จัดการการลงทุน Ronald-Peter Stoeferle และ Mark Valek การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่บางอย่างในนโยบายการคลังและการเงินจะมีผลกระทบอย่างชัดเจนต่อระบบการเงิน และในท้ายที่สุดก็จะส่งผลต่อประชาชน อัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูง ทำให้มีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น เช่น โลหะมีค่าและสกุลเงินดิจิทัล ความต้องการของธนาคารกลางจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของตลาดทองคำขาขึ้นนี้

แหล่งข้อมูล

 

การคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2040

David Harper คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะขึ้นไปแตะ 6,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในปี 2040 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 7.2% ต่อปี สถานการณ์นี้บ่งชี้ถึงผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล จากข้อมูลของ Harper

Harper ใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต โดยคำนวณว่าหากคุณซื้อทองคำในปี 1976 ในราคาที่ต่ำเพียง 103 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และถือครองไว้โดยไม่หยุดชะงัก จนราคาขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่เกือบ 1,900 ดอลลาร์ในปี 2011 (ในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2011) คุณจะได้รับผลตอบแทนในอัตรา 8.5%

แหล่งข้อมูล

 

การคาดการณ์ราคาทองคำจนถึงปี 2050

นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำการคาดการณ์ระยะยาวเชื่อว่าในภาพรวมแล้ว ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายสิบปีข้างหน้า เนื่องจากมีความต้องการโลหะมีค่าเพิ่มขึ้น

ในรายงานการวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ในวารสาร Trends in Ecology and Evolution เผยว่า Josep Peñuelas, ศาสตราจารย์วิจัย ณ Center for Ecological Research and Forestry Applications of the Autonomous University of Barcelona และ Higher Council for Scientific Research (CREAF-CSIC) เตือนว่าภายในปี 2050 โลหะที่สำคัญ รวมถึงทองคำ อาจหมดไปจากโลก

อย่างไรก็ตาม มีทฤษฎีอื่นๆ เกี่ยวกับอนาคตของโลหะมีค่าที่มองในแง่ดีมากกว่า ทองคำอยู่มาตั้งแต่โบราณกาล ตามที่ Robert Kiyosaki กล่าว และเป็น "เงินของพระเจ้า" จึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสกุลเงินหลักในอนาคต ในหนังสือของเขาที่ชื่อ “Fake” Kiyosaki ศึกษาอนาคตของเงินและอ้างว่าในท้ายที่สุดแล้ว ทองคำควบคู่กับ Bitcoin จะเข้ามาแทนที่เงินกระดาษ

แหล่งข้อมูล

 

บทสรุป

การคาดการณ์ราคาทองคำในระยะสั้นชี้ให้เห็นว่ามูลค่าและความต้องการทองคำจะเพิ่มขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า อย่างน้อยก็จนถึงปี 2030 โดยแสดงให้เห็นว่าราคาจะค่อยๆ ขยับขึ้นไปถึงประมาณ 7,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แต่การคาดการณ์ราคาหลังจากนั้นอาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ในท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเป็นการคาดการณ์ในระยะยาว ก็มีคำถามพื้นฐานที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับความสำคัญของสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ในบริบททางการเงินที่มีการพลิกผันตลอดเวลา

 

พร้อมที่จะเทรดในความได้เปรียบในแบบของคุณหรือยัง?

เข้าร่วมกับเทรดเดอร์หลายหมื่นรายและซื้อขายหุ้น CFD ในฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล!

 

 

การอ้างอิงถึงการคาดการณ์และผลงานที่ผ่านมาไม่ถือเป็นตัวบ่งชี้ผลงานในอนาคตที่เชื่อถือได้

รูปภาพที่แสดงมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบภาพเท่านั้น ข้อมูลมาจากผู้ให้บริการบุคคลที่สาม

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินหรือคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ ไม่ถือเป็นคำแนะนำ ข้อเสนอในการซื้อหรือขาย หรือการชักชวนให้เสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือตราสารใดๆ หรือการเข้าร่วมในกลยุทธ์การซื้อขายใดๆ ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นโดยไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์ สถานะทางการเงิน และความต้องการของคุณ Axi ไม่รับรองและไม่รับผิดชอบใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเนื้อหาในสิ่งพิมพ์นี้ ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณด้วยตนเอง



Axi Team

Axi Team

ทีมงาน Axi เต็มไปด้วยผู้ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการตลาดยาวนานหลายทศวรรษและมีความรู้เกี่ยวกับการเทรดในแทบทุกด้าน นอกเหนือจากโพสต์ประจำจากผู้จัดทำการวิเคราะห์ตลาดรายวันของเราแล้ว ยังมีบล็อกของทีมงาน Axi ซึ่งเป็นสถานที่แบ่งปันไอเดียและข้อมูลเชิงลึกในภาพกว้าง โดยคุณจะพบกับโพสต์ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับฟอเร็กซ์และเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ไปจนถึงการอัปเดตผลิตภัณฑ์และประกาศสำคัญเกี่ยวกับตลาด


More on this topic

อ่านเพิ่มเติม

พร้อมที่จะเทรดในความได้เปรียบในแบบของคุณหรือยัง?

เริ่มการซื้อขายกับโบรกเกอร์ระดับโลกที่ได้รับรางวัล

ลองบัญชีทดลอง ฟรี เปิดบัญชีเทรดจริง