ฟอเร็กซ์ (Forex) ย่อมาจาก "foreign exchange" หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หมายถึงตลาดสากลที่มีการซื้อและขายสกุลเงินกัน หากจะมองง่าย ฟอเร็กซ์หมายถึงการเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งให้เป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หากคุณเคยไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างประเทศและแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่คุณใช้ตามปกติเป็นสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ที่คุณไปเที่ยว วิธีนี้ก็คือการทำธุรกรรมแบบฟอเร็กซ์อย่างหนึ่ง!
แน่นอนว่าฟอเร็กซ์ (หรือที่เรียกว่า "FX") นั้นเป็นมากกว่าเงินที่แลกตอนไปเที่ยว ในความเป็นจริง ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ไหลผ่านทุกวัน ตั้งแต่การชำระเงินทางธุรกิจระหว่างประเทศไปจนถึงบุคคลที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการค้าและการลงทุนทั่วโลก ในทุกประเทศ และทุกสกุลเงิน ตั้งแต่เงินบาทไปจนถึงเงินหยวน
ตลาดการซื้อขายฟอเร็กซ์ไม่ใช่ตลาดที่มีสถานที่จริง แต่เป็นเครือข่ายที่กระจายอำนาจทั่วโลกที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ ในตลาดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์จะซื้อและขายคู่สกุลเงินตามมูลค่าที่ทั้งสองสกุลสัมพันธ์กัน
ตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและกำลังเดินทางไปยุโรป คุณจะใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพื่อซื้อเงินยูโร (EUR) ในตลาดฟอเร็กซ์ ธุรกรรมเช่นนั้นจะมีสัญลักษณ์เป็น EUR/USD
เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์ดำเนินการตามรูปแบบการกระจายอำนาจ โดยไม่มีจุดควบคุมหรือการแลกเปลี่ยนกลางที่เป็นตัวเป็นตน จึงไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดควบคุม แต่ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์จะเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างสองฝ่ายซึ่งเรียกว่าตลาด "over the counter" (OTC) ให้ลองจินตนาการว่ามันเป็นเครือข่ายดิจิทัลขนาดใหญ่ที่การทำธุรกรรมเกิดขึ้นอย่างอิสระระหว่างธนาคารสถาบันการเงินและบุคคลทั่วโลก
ปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพลต่อมูลค่าของสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ข้อมูลการว่างงาน และแม้แต่ราคาบ้านก็สามารถส่งผลได้ว่าสกุลเงินในตลาดจะขึ้นหรือลง
เพื่อช่วยให้เข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดฟอเร็กซ์ คุณสามารถใช้ปฏิทินเศรษฐกิจฟอเร็กซ์และดูว่าการเปลี่ยนแปลงของราคามีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์อย่างไรบ้าง เช่น การเผยแพร่ข่าวและการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ
เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้วตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดทั่วโลก ฟอเร็กซ์จึงเปิดตลาดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน โดยช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดที่มีคนทำธุรกรรมเยอะจะเปลี่ยนตามศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญในโซนเวลาที่แตกต่างกันไป
ตลาด FX สามประเภทที่มีให้ซื้อขาย ได้แก่
ในเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันอย่างมากและเป็นโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน ราคาของเครื่องมือการซื้อขาย รวมถึงคู่ฟอเร็กซ์ มีการเคลื่อนไหวและผันผวนอย่างต่อเนื่อง
ปริมาณการซื้อขายและการทำธุรกรรมในตลาด FX ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์และอุปทานเสมอ และเช่นเดียวกับตลาดการเงินอื่นๆ ยิ่งความต้องการสกุลเงินสูงเท่าใด ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ อีกมากมายที่อาจส่งผลต่อราคาของคู่สกุลเงิน ตัวอย่างเช่น
ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ เวลาทำการคือตั้งแต่เวลา 17:00 น. EST ในวันอาทิตย์จนถึงเวลา 16:00 น. EST ในวันศุกร์ EST หมายถึงเขตเวลาที่กำหนดตามเมืองต่างๆ ได้แก่ นิวยอร์ก บอสตัน แอตแลนตา และออร์แลนโดในสหรัฐอเมริกา และออตตาวาในแคนาดา
นอกจากนี้คุณยังจะเห็นเขตเวลา "UTC" ด้วยทุกครั้งที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับฟอเร็กซ์ ซึ่งย่อมาจาก Coordinated Universal Time หรือเวลาสากลเชิงพิกัด โดยมีความสอดคล้องกับเวลา GMT หรือเวลามาตรฐานกรีนิช ลอนดอน สหราชอาณาจักรเป็นเวลา UTC
เนื่องจากไม่มีตลาด "lead" ชั่วโมงการซื้อขายฟอเร็กซ์จึงขึ้นอยู่กับเวลาที่เปิดการซื้อขายในประเทศที่เข้าร่วม ช่วงเวลาซื้อขายในลอนดอนและนิวยอร์กจะทับซ้อนกันบางส่วน ดังนั้นจึงมักจะมีปริมาณการซื้อขายจำนวนมากในช่วงเวลานั้นของวัน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะถูกกำหนดในช่วง 24 ชั่วโมงถัดไปเวลา 16.00 น. ตามเวลาลอนดอน/UTC
แม้ว่าจะดำเนินการในกว่า 180 ประเทศ แต่ก็ไม่มีองค์กรใดรับผิดชอบในการควบคุมตลาดฟอเร็กซ์ อย่างไรก็ตาม มีหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานอิสระมากกว่า 50 แห่งทั่วโลกที่คอยกำกับดูแลการซื้อขายฟอเร็กซ์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
หน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำบางแห่งที่ดูแลกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้แก่ Australian Securities and Investments Commission (ASIC) Financial Conduct Authority (FCA) ในสหราชอาณาจักรและ Monetary Authority of Singapore (MAS) หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้จะกำหนดมาตรฐานสำหรับผู้ให้บริการทางการเงินทั้งหมดที่จะปฏิบัติตาม เช่น เกี่ยวกับการลงทะเบียน การออกใบอนุญาต และข้อกำหนดในการตรวจสอบ และสามารถเข้าขัดขวางการทำธุรกรรมได้หากพบว่าผู้ให้บริการละเมิดกฎหมายหรือกฎระเบียบ
ผลก็คือ เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์มีระดับความมั่นใจมากขึ้นว่า บริการการซื้อขายที่ตนสมัครนั้นเป็นธรรมและมีจริยธรรม
คู่สกุลเงินที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและมีการซื้อขายมากที่สุดเรียกว่า "คู่สกุลเงินหลัก" คู่สกุลเงินหลักคือการจับคู่เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่ซื้อขายกับหนึ่งในเจ็ดสกุลเงินหลักอื่นๆ ได้แก่ ยูโร (EUR), ปอนด์อังกฤษ (GBP), ฟรังก์สวิส (CHF), เยนญี่ปุ่น (JPY), ดอลลาร์แคนาดา (CAD), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) หรือดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสี่คู่ตามปริมาณได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ USD/CHF
ส่วนคู่สกุลเงินนอกเหนือจากนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ จะเรียกว่า "คู่สกุลเงินรอง" หรือ "คู่สกุลเงินเกิดใหม่" คู่สกุลเงินเหล่านี้ยังคงมีมูลค่าสูงและมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างมาก แต่โดยปกติจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินหลัก
โปรดทราบว่าไม่มีคู่สกุลเงินที่ถูกหรือผิดให้ซื้อขาย ในขณะที่คู่สกุลเงินหลักมีลักษณะเด่นคือสภาพคล่องสูงสุด แต่ตลาดก็มีความผันผวนในหลายๆ ด้าน ซึ่งมักเป็นเพราะข่าวเศรษฐกิจที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับประเทศหรือสกุลเงินนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ สิ่งนี้จะส่งผลต่อการกำหนดราคาตลาด เทรดเดอร์จึงควรมีติดตามสภาพตลาดโดยรวมให้เป็นนิสัย เพื่อหาโอกาสที่ดีที่สุดให้ตัวเองและรูปแบบการซื้อขายและกลยุทธ์ของตน
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรตระหนักว่าไม่ใช่ทุกสกุลเงินที่มีการซื้อขายแบบไม่หยุดนิ่ง แม้ว่าตลาดจะเปิดทำการเจ็ดวันต่อสัปดาห์ก็ตาม ควรมีการเผื่อเวลาและจังหวะสำหรับวันหยุดนักขัตฤกษ์ของประเทศนั้นๆ ที่สามารถทำให้คุณต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราวได้ ปฏิทินเศรษฐกิจก็มีประโยชน์ในการช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการปิดตลาดตามกำหนดเวลา ในขณะที่ตารางสเปรดแบบสดจะให้ข้อมูลที่กระชับเกี่ยวกับการกำหนดราคาตลาดในปัจจุบัน
คู่สกุลเงินหลัก |
คู่สกุลเงินรอง |
คู่สกุลเงินเกิดใหม่ |
EUR/USD | EUR/GBP | EUR/TRY |
USD/JPY | EUR/JPY | USD/HKD |
GBP/USD | GBP/JPY | USD/ZAR |
USD/CHF | GBP/CAD | JPY/NOK |
USD/CAD | CHF/JPY | NZD/SGD |
AUD/USD | EUR/AUD | GBP/ZAR |
NZD/USD | NZD/JPY | AUD/MXN |
การซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นการซื้อและขายสกุลเงิน เหมือนกับตอนที่คุณแลกเปลี่ยนเงินจริงโดยใช้ธุรกรรมฟอเร็กซ์เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ การซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นเกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งในขณะที่ขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมๆ กัน ความแตกต่างที่สำคัญคือ การซื้อขายฟอเร็กซ์ทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อพยายามสร้างผลกำไรจากการแลกเปลี่ยน
การซื้อขายฟอเร็กซ์ทั้งหมดล้วนต้องมีสองสกุลเงิน เนื่องจากราคาของสกุลเงินมีความผันผวนในตลาดเปิด ตัวอย่างเช่น เนื่องจากปัจจัยอุปสงค์และอุปทาน เทรดเดอร์จะคาดการณ์ว่ามูลค่าของสกุลเงินหนึ่งจะแข็งค่าหรือลดลงเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง หากเทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางตลาดอย่างถูกต้อง พวกเขาก็สามารถทำกำไรได้ ถ้าไม่เช่นนั้น พวกเขาก็จะขาดทุน โดยพื้นฐานแล้ว การสร้างผลกำไรจากการซื้อขาย FX นั้นง่ายเหมือนกับการซื้อถูกและขายแพงหรือในทางกลับกัน
การทำกำไรแบบหลายทิศทางนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อหรือการเป็นเจ้าของสกุลเงินอ้างอิง ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนแบบทั่วไป แต่เทรดเดอร์จะเก็งกำไรเฉพาะการเปลี่ยนแปลงราคาโดยใช้อนุพันธ์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่าสัญญาการซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ข้อได้เปรียบที่สำคัญของการซื้อขาย CFD ก็คือ เทรดเดอร์สามารถสร้างกำไรโดยการเก็งกำไรเมื่อราคาลดลง ซึ่งแตกต่างจากหุ้นหรือสินทรัพย์ทางกายภาพ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อราคาเพิ่มขึ้นเหนือระดับที่คุณจ่ายไปเท่านั้น
มาดูตัวอย่างง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนการซื้อขายฟอเร็กซ์กัน:
สมมติว่าคุณเชื่อว่าเงินยูโร (EUR) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณคิดว่ามูลค่าของ EUR จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ USD
คุณเปิดบัญชีซื้อขายออนไลน์และตัดสินใจซื้อ 10,000 หน่วยของคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน 1.1000 ขนาดรวมของสถานะการซื้อขาย CFD ของคุณจะเท่ากับ
10,000 EUR x 1.1000 = $11,000
ตอนนี้การซื้อขายของคุณเปิดอยู่ สมมติว่าอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD เพิ่มขึ้นเป็น 1.1200 และคุณตัดสินใจที่จะปิดสถานะการซื้อขาลง ณ จุดนั้น ความแตกต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนตอนเปิดและตอนปิดคือ 0.0200 (1.1200 – 1.1000) คุณซื้อขาย 10,000 หน่วย ดังนั้นการคำนวณกำไรของคุณจึงมีมูลค่าเท่ากับ
0.0200 x 10,000 = $200
เนื่องจากมูลค่าของ EUR เพิ่มขึ้นคุณจึงทำกำไรได้ $200
อย่างไรก็ตาม หากอัตราแลกเปลี่ยนไม่เป็นไปตามที่คุณคาดคิด คุณก็จะขาดทุน ตัวอย่างเช่น หากราคา EUR ลดลงจาก 1.1000 เป็น 1.0900 (ส่วนต่าง 0.0100) การขาดทุนของคุณก็จะเท่ากับ
0.0100 x 10,000 = $100
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ความผันผวนเล็กน้อยในการกำหนดราคาส่งผลได้ ดังนั้นเมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ สิ่งสำคัญคือต้องเสี่ยงกับสิ่งที่คุณสามารถสูญเสียได้เท่านั้น
เหตุผลหลักในการซื้อขายฟอเร็กซ์คือ ศักยภาพในการสร้างผลกำไรโดยการซื้อขายคู่สกุลเงิน
การซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นวิธีเริ่มการลงทุนที่เป็นที่นิยม โดยใช้เงินทุนจำนวนค่อนข้างน้อยและรวมกับการใช้เลเวอเรจ ทำให้ได้รับการซื้อขายที่มีมูลค่ามากขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากการซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นผลิตภัณฑ์ CFD เทรดเดอร์จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง ด้วยการซื้อขาย FX สิ่งที่คุณกำลังทำคือการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคาตามเวลาจริงของสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดเปิด โปรดทราบว่า แม้ว่าการซื้อขายแบบเลเวอเรจจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ก็สามารถทำให้ขาดทุนได้มากขึ้นเช่นกัน
ตลาด FX แบบ 24 ชั่วโมงยังให้ความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นมากมาย คุณจึงสามารถซื้อขายในช่วงเวลาต่างๆ ในแต่ละวันได้ จุดนี้อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่ต้องทำงานเต็มเวลาหรือพาร์ทไทม์ เพราะการซื้อขายสามารถทำได้นอกเวลาทำงานปกติ
โบรกเกอร์จะให้บริการผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ และบริการเต็มรูปแบบที่ช่วยให้คุณสามารถซื้อขายสกุลเงินออนไลน์ได้
หากจะใช้วิธีนี้ เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์จะใช้ซอฟต์แวร์การซื้อขายฟรี ซึ่งโบรกเกอร์มักจะเตรียมไว้ให้ เพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากหุ้นแบบทั่วไป ซึ่งจะต้องเพิ่มมูลค่าเมื่อเทียบกับการลงทุนเริ่มต้น เทรดเดอร์ FX สามารถเก็งกำไรว่าราคาจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ดังนั้นพวกเขาอาจทำกำไรหรือขาดทุนไม่ว่าตลาดจะเป็นไปในทางใดก็ตาม
ทุกคนสามารถเข้าถึงตลาด FX ได้สะดวกเพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีซื้อขาย และสามารถซื้อขายได้จากทุกที่ในโลกตลอดเวลาที่ตลาดเปิดอยู่ ด้านล่างนี้เป็นคำแนะนำสำหรับวิธีการเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์กับโบรกเกอร์ออนไลน์
บัญชีทดลองอาจเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกซื้อขายโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินของคุณเอง และเมื่อคุณพร้อมที่จะเริ่มซื้อขายจริงๆ ก็ให้เริ่มต้นจากจำนวนเงินไม่มากเพื่อลดความเสี่ยงหากการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คุณคิด
มีการวิเคราะห์หลักสองประเภทที่ใช้ในการซื้อขาย คือ ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน
มีแผนภูมิหลายประเภทที่สามารถใช้เมื่อต้องวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์ ดังนั้นการตัดสินใจว่าจะใช้แผนภูมิใดมักจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายหรือประเภทของการวิเคราะห์ที่ต้องการ ต่อไปนี้เป็นประเภทกราฟสามประเภทที่เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์นิยมที่ใช้กัน
การซื้อขาย Forex มีข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อมองเทียบกับการลงทุนรูปแบบอื่นๆ เช่น หุ้น ซึ่งได้แก่
เช่นเดียวกับข้อได้เปรียบ การซื้อขายฟอเร็กซ์เองก็มีข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น
โปรดจำไว้ว่า การซื้อขายฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงและคุณต้องซื้อขายโดยใช้แนวคิดที่มีระเบียบวินัย การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นด้วยขนาดการซื้อขายขนาดเล็ก แล้วค่อยๆ เพิ่มความเสี่ยงเมื่อมีประสบการณ์ และซื้อขายเฉพาะสิ่งที่คุณสามารถสูญเสียได้
มีกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ที่แตกต่างกันมากมายให้เลือกใช้ แต่ละกลยุทธ์มีวิธีการ ระดับความเสี่ยง และไทม์ไลน์ที่แตกต่างกัน การเลือกกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์มักจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสามารถของเทรดเดอร์แต่ละคน
เมื่อเทรดเดอร์ได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของการซื้อขายฟอเร็กซ์และความเข้าใจในตลาดมากขึ้น กลยุทธ์ที่ครอบคลุมหลายอย่างก็สามารถนำมาใช้พร้อมกันกับผลิตภัณฑ์การซื้อขายหลายรายการ เพื่อสร้างโปรไฟล์การซื้อขายที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งตอบสนองต่อสภาวะตลาดและวัตถุประสงค์เฉพาะ
แม้ว่าจะไม่มีกลยุทธ์ใดรับประกันว่าจะได้ผลทุกครั้ง แต่ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ได้รับความนิยม
เทรดเดอร์มืออาชีพและเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายคนทั่วโลกเชื่อว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในความสำเร็จในการซื้อขายของตน ต่อไปนี้เป็นข้อควรพิจารณาที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงฟอเร็กซ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงความสำเร็จในระยะยาวของการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ
พร้อมที่จะเทรดในความได้เปรียบในแบบของคุณหรือยัง?
เข้าร่วมกับเทรดเดอร์หลายหมื่นรายและซื้อขายหุ้น CFD ในฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล!
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำ หรือข้อเสนอในการซื้อหรือขาย หรือการชักชวนเกี่ยวกับข้อเสนอในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือเครื่องมือทางการเงินใดๆ หรือให้เข้าร่วมในกลยุทธ์การซื้อขายใดๆ ข้อมูลนี้ได้รับการจัดเตรียมโดยไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ทางการเงิน หรือความต้องการของคุณ การอ้างอิงผลการดำเนินงานในอดีตและการคาดการณ์ต่างๆ ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือสำหรับผลในอนาคต Axi ไม่รับรองและไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเนื้อหาในสิ่งพิมพ์นี้ ผู้อ่านควรหาคำแนะนำด้วยตนเอง
FAQ
เช่นเดียวกับการลงทุนทุกรูปแบบ การซื้อขายฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงโดยธรรมชาติ ความผันผวนของตลาดสกุลเงินอาจนำไปสู่ความผันผวนของราคาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดกำไรหรือขาดทุนได้ เทรดเดอร์สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้โดยใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่กำหนดไว้อย่างดี เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม วิธีการที่มีระเบียบวินัย และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับตลาดการเงินและสภาวะตลาด
เทรดเดอร์รายย่อยเข้าถึงตลาดฟอเร็กซ์โดยใช้โบรกเกอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่อำนวยความสะดวกในการให้บริการซื้อขายเฉพาะทาง รวมถึงการเข้าถึงสภาพคล่อง แพลตฟอร์มการซื้อขาย และการสนับสนุน โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์มีสามประเภทหลัก ดังนี้
ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเงินจำนวนมากเพื่อเริ่มต้นการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณสามารถเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยเงินเพียง $10 ได้ แต่บางแพลตฟอร์มอาจกำหนดให้ต้องใช้เงินทุนมากกว่านั้นในการเริ่มต้น บางรายก็มีขั้นต่ำสูงถึง $500
เหตุผลที่คุณสามารถเริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่น้อยกว่าก็เพราะคุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มการลงทุนเริ่มต้นของคุณได้ เลเวอเรจสามารถใช้เพื่อรับสถานะขนาดเล็กและรับความเสี่ยงกับสถานะที่มีมูลค่ารวมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณต้องตระหนักว่าแม้เลเวอเรจจะเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรได้มากขึ้นจากการลงทุนที่น้อยกว่า แต่ก็เพิ่มศักยภาพในการขาดทุนได้มากขึ้นเช่นกัน ยิ่งคุณใช้เลเวอเรจสูง ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว จำนวนเงินที่คุณเลือกซื้อขายก็ขึ้นอยู่กับคุณ
แม้ว่าในทางเทคนิคจะไม่มีการจำกัดจำนวนเงินที่คุณสามารถทำเงินได้ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แต่ความจริงก็คือ ไม่ใช่ว่าคุณจะทำเงินได้ในทุกการซื้อขาย ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรไปทุกครั้ง
การซื้อขายฟอเร็กซ์มีปัจจัยหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แนวโน้มทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ ไปจนถึงกลยุทธ์ที่คุณปฏิบัติตามและแนวทางในการรับมือกับความเสี่ยง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าแต่ละบุคคลสามารถสร้างรายได้ (หรือขาดทุน) ได้มากเพียงใด
โอกาสในการทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของคุณจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณซื้อขายมากขึ้น และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความผันผวนของสกุลเงิน นอกจากนี้ คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่าเป้าหมายรายได้ที่คาดหวังและบรรลุผลสำเร็จคืออะไร
ได้ การซื้อขายฟอเร็กซ์มีความยืดหยุ่นและสามารถทำได้แบบพาร์ทไทม์พร้อมกับภาระผูกพันอื่นๆ รวมถึงการทำงานเต็มเวลา ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ห้าวันต่อสัปดาห์ ช่วยให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่สามารถเลือกชั่วโมงการซื้อขายที่เหมาะสมกับตารางเวลาของตนได้ แม้ว่าแอปการซื้อขายและเครื่องมือการจัดการการซื้อขายสมัยใหม่จะทำให้การวิเคราะห์ตามความสะดวกของคุณง่ายขึ้น แต่ควรคำนึงถึงเวลาที่เพียงพอในการวิเคราะห์การซื้อขาย การตรวจสอบ การอัปเดตตลาด และความรับผิดชอบหลักอื่นๆ ด้วย
เวลาที่ใช้ในการเป็นเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปัจจัยต่างๆ ประกอบด้วยความมุ่งมั่นของแต่ละบุคคลในการเรียนรู้ ความรู้และประสบการณ์ในการซื้อขาย ประสิทธิภาพของกลยุทธ์การซื้อขาย และเวลาที่สามารถทุ่มเทให้กับการบรรลุเป้าหมายการซื้อขายของตน ความสำเร็จในการซื้อขายถือเป็นแบบฝึกหัดระยะยาว ที่ต้องฝึกฝน เรียนรู้ และปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการเรียนรู้จากความล้มเหลวก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวด้วยเช่นกัน
ทุกสกุลเงินมีรหัสสกุลเงินสามหลักของตัวเอง (เช่น GBP สำหรับปอนด์อังกฤษ และ USD สำหรับดอลลาร์สหรัฐ) การซื้อขายฟอเร็กซ์เกี่ยวข้องกับสองสกุลเงินซึ่งเรียกว่า คู่สกุลเงิน ราคาของสกุลเงินแรกจะแปลงเป็นสกุลเงินที่สอง
เมื่อคุณตัดสินใจได้ว่าต้องการเทรดสองสกุลเงินใด ให้คำนวณว่าต้องใช้สกุลเงินข้างหลัง (สกุลเงินที่สอง) เป็นจำนวนเท่าใดเพื่อซื้อสกุลเงินข้างหน้า (สกุลเงินแรก) หนึ่งหน่วย
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าหนึ่งดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ในราคาตลาดปัจจุบันเท่ากับ $1.04 ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) การซื้อขายของคุณจะแสดงเป็น AUD/SGD โดยที่ AUD เป็นสกุลเงินข้างหน้าและ SGD เป็นสกุลเงินข้างหลัง
เทรดเดอร์หลายคนได้รับทักษะที่จำเป็นในการซื้อขายฟอเร็กซ์โดยการผสมผสานการศึกษาด้วยตนเอง การฝึกฝน และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง หากจะเรียนรู้พื้นฐานของการซื้อขายฟอเร็กซ์และวิธีการทำงานของตลาด คุณสามารถใช้เครื่องมือการสอน เช่น บทแนะนำ การสัมมนาผ่านเว็บ วิดีโอ บทความสอนวิธีการ และการวิเคราะห์ สื่อเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่ให้บริการฟรี สามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการวิจัยเชิงลึกในสาขาเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์ตลาด เทคนิคการซื้อขาย การจัดการความเสี่ยง และจิตวิทยาการซื้อขาย
นอกเหนือจากสื่อการเรียนรู้แล้ว เทรดเดอร์ยังสามารถได้รับประโยชน์จากบัญชีทดลองฟรีที่ให้ซื้อขายด้วยเงินจำลองในสภาพแวดล้อมที่ไร้ความเสี่ยงได้ด้วย ความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจริงจะหมดไป ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการซื้อขาย สำรวจกลยุทธ์การซื้อขายต่างๆ และนำความรู้และทักษะที่คุณได้รับจากที่อื่นไปใช้
Pip ย่อมาจาก "Percentage in Points" หมายถึงการเปลี่ยนแปลงค่าของสกุลเงินที่แสดงเป็นจุดทศนิยมที่สี่ ตัวอย่างเช่น หากมูลค่า SGD อยู่ที่ $0.9630 และเพิ่มขึ้นสอง "pip" มูลค่าจะอยู่ที่ $0.9632 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pip ได้ที่นี่
"ล็อต" ในการซื้อขายฟอเร็กซ์หมายถึงจำนวนหน่วยของสกุลเงินแรก ล็อตมาตรฐานเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินแรกในคู่การซื้อขายฟอเร็กซ์ นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อขายมินิ ไมโคร และนาโนล็อตได้ ซึ่งเท่ากับ 10,000, 1,000 และ 100 หน่วยตามลำดับ ตัวอย่างเช่น ซื้อขายล็อตมาตรฐานในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและมูลค่าของการซื้อขายนั้นเท่ากับ AUD $100,000
เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์ช่วยให้คุณยอมรับการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่าปริมาณเงินในบัญชีซื้อขายของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากอัตราส่วนเลเวอเรจคือ 5: 1 แสดงว่าคุณสามารถซื้อขายด้วยเงิน 5 เท่าของเงินทุนที่คุณฝากไว้ได้ ตัวอย่างเช่น หากบัญชีมีเงิน $1,000 เทรดเดอร์ก็สามารถการซื้อขายมูลค่ารวม $5,000 ได้
การกำหนดค่าแบบนี้มีศักยภาพที่จะเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด ในขณะที่เพิ่มการขาดทุนไปพร้อมๆ กัน ท้ายที่สุด คุณเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้เลเวอเรจเท่าใดในแต่ละการซื้อขายที่กำหนด และคุณสามารถปรับจำนวนเลเวอเรจที่คุณวางแผนว่าจะใช้ในการซื้อขายก่อนที่คุณจะวางคำสั่งซื้อ
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า เมื่อทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ คุณจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดมาร์จิ้นด้วย หากยอดคงเหลือของคุณต่ำกว่าข้อกำหนดมาร์จิ้น สถานะของคุณจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อขาดทุน
มาร์จิ้นเป็นการชำระเงินดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการซื้อขายที่มีเลเวอเรจ ให้มองว่ามาร์จิ้นเป็นเหมือนกับการซื้อบ้านที่มีการจำนอง ซึ่งคุณต้องใส่เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินทั้งหมดเพื่อทำการซื้อ
ในการใช้เลเวอเรจเพื่อซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณอาจต้องวางมาร์จิ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ของคุณอาจเสนอเลเวอเรจ 10: 1 หากคุณตกลงที่จะวางมาร์จิ้น $1,000 ดังนั้น การซื้อขายสามารถทำได้โดยใช้เงินของคุณเองเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อซื้อขายล็อตมาตรฐานจำนวน 100,000 หน่วย
ในกรณีนี้ เทรดเดอร์จะต้องฝากเงินเข้าบัญชีมาร์จิ้นก่อนจึงจะสามารถซื้อขายได้
"สเปรด" ในฟอเร็กซ์เป็นต้นทุนเล็กน้อยที่สร้างขึ้นเป็นราคาซื้อ (เสนอราคา) และขาย (ขอราคา) ของทุกคู่สกุลเงินที่ซื้อขาย หรือที่เรียกว่า "มาร์กอัป"
คุณจะเห็นราคาซื้อแยกต่างหาก และราคาขายเมื่อคุณวางแผนที่จะทำการซื้อขายบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย เพียงแค่หักราคาเสนอซื้อ/ขายออกจากราคาเสนอซื้อ/ซื้อเพื่อกำหนดสเปรด โดยทั่วไปแล้ว ความแตกต่างจะเล็กน้อยมาก ตัวอย่างเช่น ราคาซื้อของคู่สกุลเงินอาจเป็น 1.1529 ในขณะที่ราคาขายอาจเป็น 1.1523 เป็นผลให้สเปรดนั้นเท่ากับ 6 pip หรือ 0.0006 เทรดเดอร์จะชอบโบรกเกอร์ที่ให้สเปรดน้อยที่สุด
การ "Long" หมายความว่าคุณกำลังซื้อคู่สกุลเงินเพื่อคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้น การ "Short" คู่สกุลเงินหมายความว่าคุณจะขายโดยหวังว่าราคาตลาดจะลดลง
เนื่องจากลักษณะที่ผันผวนของตลาดฟอเร็กซ์ จึงมีความเสี่ยงโดยธรรมชาติที่การซื้อขายอาจไม่ทำกำไรให้คุณ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องเงินทุน คุณมีสองเครื่องมือสำคัญที่เทรดเดอร์ใช้กันทั่วไป
ในตลาดฟอเร็กซ์ คำสั่ง "limit" จะกำหนดการซื้อหรือขายในราคาที่เจาะจงหรือราคาที่ดีกว่า
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถกำหนด "buy limit" เพื่อซื้อเฉพาะตอนราคาเท่ากับหรือต่ำกว่าราคาที่ระบุเท่านั้น "sell limit" สามารถกำหนดให้ขายเมื่อมีราคาเท่ากับหรือสูงกว่าราคาที่กำหนดได้ เมื่อสกุลเงินมีมูลค่าเท่าราคานี้บนแพลตฟอร์ม คำสั่งซื้อของคุณจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะไม่ได้เปิดเจ็ดวันต่อสัปดาห์ แต่ราคาก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงสองวันที่ไม่มีการซื้อขายกัน การเปลี่ยนแปลงราคาอย่างกะทันหันยังสามารถเกิดขึ้นได้ โดยปกติจะเกิดจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าของสกุลเงิน
ภายใน “ช่องว่าง” เหล่านี้ในการซื้อขายปกติ ค่าสกุลเงินยังคงสามารถขึ้นหรือลงได้ ดังนั้นเทรดเดอร์บางรายจึงสร้างกลยุทธ์ที่มุ่งใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ
ในฟอเร็กซ์ "อัตราสวอป" มีอีกชื่อว่า "อัตราโรลโอเวอร์" อัตรานี้เป็นจำนวนเงินที่บวกหรือลบออกจากสถานะการถือครองข้ามคืนของคุณ
อัตราสวอปจะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน
เทรดเดอร์รายวันไม่ต้องกังวลมากนักเกี่ยวกับอัตราสวอป แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาหากคุณใช้กลยุทธ์ระยะยาว เพราะอาจทำให้คุณนำหน้าหรือตามหลังในแง่ของผลกำไร
มีสกุลเงินกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นที่รู้จักอย่างไม่เป็นทางการในตลาดการซื้อขายฟอเร็กซ์ว่าเป็นสกุลเงิน "ที่หลบภัย" ซึ่งรวมถึงเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY) ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยูโร (EUR) และฟรังก์สวิส (CHF)
สกุลเงินพวกนี้ถือว่า "ปลอดภัย" เพราะมีเสถียรภาพในอดีตและมีแนวโน้มที่จะรักษามูลค่าไว้ได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในช่วงสภาวะตลาดที่ผันผวน เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย สกุลเงินในกลุ่มนี้จะดึงดูดกิจกรรมการซื้อขายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง ในทำนองเดียวกัน คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ที่มีความผันผวนมากที่สุดบางคู่ก็มีการซื้อขายบ่อยครั้ง เพราะโอกาสที่คู่สกุลเงินเปิดกับเทรดเดอร์
ปฏิทินเศรษฐกิจออนไลน์สามารถใช้เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำหนดเวลาไว้ทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของตลาดทั้งหมดหรือเฉพาะสกุลเงิน ปฏิทินเศรษฐกิจที่ดีจะประกอบด้วยข่าวสารต่างๆ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ ข้อมูลการจ้างงาน ประกาศอัตราดอกเบี้ย รายงานยอดขายปลีก ข้อมูลการส่งออก และการเติบโตของ GDP
เศรษฐกิจทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ข้อตกลงการค้า ทรัพยากร ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความขัดแย้ง เหตุการณ์ต่างๆ เช่น การประกาศตัวเลขการว่างงานในแคนาดาและจำนวนคำขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยล่าสุดในสหราชอาณาจักร อาจส่งผลกระทบต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คำปราศรัยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เช่นเดียวกับราคาทรัพย์สินในออสเตรเลียที่เปลี่ยนแปลงไป
การทราบประกาศสำคัญล่วงหน้าสามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในฐานะเทรดเดอร์ได้ เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ อาจให้เบาะแสว่าคู่สกุลเงินบางประเภทจะมีราคาขึ้นหรือลง
หลังจากลงทะเบียนกับโบรกเกอร์ออนไลน์ คุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในการซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์ได้
MetaTrader 4 (MT4) เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และมีฟังก์ชันมากมาย รวมถึงกราฟราคาจริง การแจ้งเตือนราคา ตัวบ่งชี้ที่กำหนดเอง และเครื่องมือวิเคราะห์ แอป MT4 ซึ่งมีให้ใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตลาดได้ตามเวลาจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
MT4 ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนา Expert Advisor (หรือที่เรียกว่า"หุ่นยนต์ซื้อขาย") ตัวบ่งชี้ที่กำหนดเอง และสคริปต์โดยใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม MQL4 ที่พัฒนาขึ้นโดย MetaQuotes ซึ่งเป็นผู้พัฒนา MT4
ฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายของ MT4 ทำให้เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์