• /int
  • /eu
  • /uk
  • /au
  • http://www.axi.group/ar-ae
  • http://www.axi.group/en-ae
  • http://www.axiedge.site/en-my
  • http://www.axiedge.site/cn
  • http://www.axiedge.website/chn
  • /es-mx
  • /fr-ma
  • http://www.edge-cn.co/id
  • /it-ch
  • /jp
  • /kr
  • /pl
  • /pt
  • /th
  • /tw
  • http://www.axiedge.website/vn
  • /zh-au
  • /za
  • http://www.solarisih.com/vu
Form not found

การซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไรและมีวิธีการซื้อขายฟอเร็กซ์อย่างไร

Forex /
Milan Cutkovic

ฟอเร็กซ์คืออะไร

ฟอเร็กซ์ (Forex) ย่อมาจาก "foreign exchange" หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หมายถึงตลาดสากลที่มีการซื้อและขายสกุลเงินกัน หากจะมองง่าย ฟอเร็กซ์หมายถึงการเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งให้เป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หากคุณเคยไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างประเทศและแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่คุณใช้ตามปกติเป็นสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ที่คุณไปเที่ยว วิธีนี้ก็คือการทำธุรกรรมแบบฟอเร็กซ์อย่างหนึ่ง!

แน่นอนว่าฟอเร็กซ์ (หรือที่เรียกว่า "FX") นั้นเป็นมากกว่าเงินที่แลกตอนไปเที่ยว ในความเป็นจริง ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ไหลผ่านทุกวัน ตั้งแต่การชำระเงินทางธุรกิจระหว่างประเทศไปจนถึงบุคคลที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการค้าและการลงทุนทั่วโลก ในทุกประเทศ และทุกสกุลเงิน ตั้งแต่เงินบาทไปจนถึงเงินหยวน

 

ตลาดฟอเร็กซ์คืออะไร

ตลาดการซื้อขายฟอเร็กซ์ไม่ใช่ตลาดที่มีสถานที่จริง แต่เป็นเครือข่ายที่กระจายอำนาจทั่วโลกที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ ในตลาดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์จะซื้อและขายคู่สกุลเงินตามมูลค่าที่ทั้งสองสกุลสัมพันธ์กัน

ตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและกำลังเดินทางไปยุโรป คุณจะใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพื่อซื้อเงินยูโร (EUR) ในตลาดฟอเร็กซ์ ธุรกรรมเช่นนั้นจะมีสัญลักษณ์เป็น EUR/USD

เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์ดำเนินการตามรูปแบบการกระจายอำนาจ โดยไม่มีจุดควบคุมหรือการแลกเปลี่ยนกลางที่เป็นตัวเป็นตน จึงไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดควบคุม แต่ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์จะเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างสองฝ่ายซึ่งเรียกว่าตลาด "over the counter" (OTC) ให้ลองจินตนาการว่ามันเป็นเครือข่ายดิจิทัลขนาดใหญ่ที่การทำธุรกรรมเกิดขึ้นอย่างอิสระระหว่างธนาคารสถาบันการเงินและบุคคลทั่วโลก

ปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพลต่อมูลค่าของสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ข้อมูลการว่างงาน และแม้แต่ราคาบ้านก็สามารถส่งผลได้ว่าสกุลเงินในตลาดจะขึ้นหรือลง

เพื่อช่วยให้เข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดฟอเร็กซ์ คุณสามารถใช้ปฏิทินเศรษฐกิจฟอเร็กซ์และดูว่าการเปลี่ยนแปลงของราคามีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์อย่างไรบ้าง เช่น การเผยแพร่ข่าวและการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ

เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้วตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดทั่วโลก ฟอเร็กซ์จึงเปิดตลาดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน โดยช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดที่มีคนทำธุรกรรมเยอะจะเปลี่ยนตามศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญในโซนเวลาที่แตกต่างกันไป

 

ตลาดฟอเร็กซ์ประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง

ตลาด FX สามประเภทที่มีให้ซื้อขาย ได้แก่

  • ตลาดสปอตฟอเร็กซ์: เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและคุณอาจอยู่ในตลาดนี้โดยไม่รู้ตัว เมื่อใดก็ตามที่มีคนไปที่ธนาคารเพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงิน คนๆ นั้นจะเข้าร่วมในตลาดสปอตฟอเร็กซ์โดยอัตโนมัติ
  • ตลาดฟิวเจอร์สฟอเร็กซ์: คู่สกุลเงินที่มีขนาดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าจะถูกซื้อหรือขายภายใต้สัญญาฟิวเจอร์สในเวลาและวันที่ที่ระบุไว้ชัดเจน ตลาดนี้ทำการแลกเปลี่ยนฟิวเจอร์สทั่วโลกซึ่งมีการซื้อขายสัญญา สัญญาเหล่านี้เป็นสัญญาที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย ทำให้ผู้ขายสามารถรับความเสี่ยงที่ราคาของสกุลเงินจะผันผวนในตลาดสปอตก่อนวันสิ้นสุดสัญญาได้
  • ตลาดฟอร์เวิร์ดฟอเร็กซ์: ตลาดนี้จะซื้อขายกันระหว่างลูกค้าและธนาคาร หรือระหว่างสองธนาคาร ซึ่งแตกต่างจากฟิวเจอร์สที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานในขนาดและวันที่ สัญญาฟอร์เวิร์ดนั้นยืดหยุ่นและปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของเทรดเดอร์แต่ละคน

 

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ราคาของสกุลเงินเคลื่อนไหวในตลาดฟอเร็กซ์

ในเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันอย่างมากและเป็นโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน ราคาของเครื่องมือการซื้อขาย รวมถึงคู่ฟอเร็กซ์ มีการเคลื่อนไหวและผันผวนอย่างต่อเนื่อง

ปริมาณการซื้อขายและการทำธุรกรรมในตลาด FX ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์และอุปทานเสมอ และเช่นเดียวกับตลาดการเงินอื่นๆ ยิ่งความต้องการสกุลเงินสูงเท่าใด ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ อีกมากมายที่อาจส่งผลต่อราคาของคู่สกุลเงิน ตัวอย่างเช่น

  • การตัดสินใจของธนาคารกลาง: ธนาคารกลางทั่วโลกมีหน้าที่กำหนดระดับอัตราดอกเบี้ยสำหรับแต่ละประเทศ ในตลาดการซื้อขายฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์มักชอบสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ หากจะซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณควรติดตามข่าวเกี่ยวกับธนาคารกลางที่เกี่ยวข้องกับคู่สกุลเงิน "หลัก" ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ธนาคารแห่งแคนาดา (BoC) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ธนาคารกลางสวิส (SNB) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ)
  • ข้อมูลทางเศรษฐกิจ: ตัวเลขการจ้างงาน ระดับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราเงินเฟ้อ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทั้งหมดล้วนมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน การติดตามปฏิทินเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
  • ช่วงการซื้อขาย: เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ปริมาณการซื้อขายและกิจกรรมอาจมี "น้อย" หรือช้าในช่วงที่ตลาดเปิดในเขตเวลาญี่ปุ่น/เอเชีย ปริมาณการซื้อขายและกิจกรรมมักจะเพิ่มขึ้นเมื่อการซื้อขายเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร/ยุโรป และสภาพคล่องจะอยู่ในระดับสูงสุดในช่วงปิดของสหราชอาณาจักรและเปิดช่วงซื้อขายในสหรัฐอเมริกา การซื้อขายในลอนดอนและนิวยอร์กมักจะมีผู้เข้าร่วมมากที่สุด เพราะเวลาที่คาบเกี่ยวกันระหว่างศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญเหล่านี้ ในชั่วโมงที่ตลาดฟอเร็กซ์เปิด บางช่วงบางสกุลเงินจะมีสภาพคล่องมากขึ้น เช่น JPY ในช่วงเขตเวลาโตเกียวหรือ GBP ในช่วงเขตเวลาลอนดอน
  • ปัจจัยทางภูมิศาสตร์การเมือง: สงคราม วิกฤตการณ์ทางการเมือง ความไม่สงบทั่วโลก และเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอาจส่งผลกระทบต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บางสกุลเงินมีแนวโน้มที่จะทำราคาได้ดีเมื่อเกิดความไม่แน่นอนระดับสูงในตลาด ในขณะที่สกุลเงินอื่นๆ ราคาลดลง

 

ตลาดฟอเร็กซ์เปิดกี่โมง

ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันต่อสัปดาห์ เวลาทำการคือตั้งแต่เวลา 17:00 น. EST ในวันอาทิตย์จนถึงเวลา 16:00 น. EST ในวันศุกร์ EST หมายถึงเขตเวลาที่กำหนดตามเมืองต่างๆ ได้แก่ นิวยอร์ก บอสตัน แอตแลนตา และออร์แลนโดในสหรัฐอเมริกา และออตตาวาในแคนาดา

นอกจากนี้คุณยังจะเห็นเขตเวลา "UTC" ด้วยทุกครั้งที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับฟอเร็กซ์ ซึ่งย่อมาจาก Coordinated Universal Time หรือเวลาสากลเชิงพิกัด โดยมีความสอดคล้องกับเวลา GMT หรือเวลามาตรฐานกรีนิช ลอนดอน สหราชอาณาจักรเป็นเวลา UTC

เนื่องจากไม่มีตลาด "lead" ชั่วโมงการซื้อขายฟอเร็กซ์จึงขึ้นอยู่กับเวลาที่เปิดการซื้อขายในประเทศที่เข้าร่วม ช่วงเวลาซื้อขายในลอนดอนและนิวยอร์กจะทับซ้อนกันบางส่วน ดังนั้นจึงมักจะมีปริมาณการซื้อขายจำนวนมากในช่วงเวลานั้นของวัน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะถูกกำหนดในช่วง 24 ชั่วโมงถัดไปเวลา 16.00 น. ตามเวลาลอนดอน/UTC

 

ตลาดฟอเร็กซ์มีการควบคุมอย่างไร

แม้ว่าจะดำเนินการในกว่า 180 ประเทศ แต่ก็ไม่มีองค์กรใดรับผิดชอบในการควบคุมตลาดฟอเร็กซ์ อย่างไรก็ตาม มีหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานอิสระมากกว่า 50 แห่งทั่วโลกที่คอยกำกับดูแลการซื้อขายฟอเร็กซ์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

หน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำบางแห่งที่ดูแลกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้แก่ Australian Securities and Investments Commission (ASIC) Financial Conduct Authority (FCA) ในสหราชอาณาจักรและ Monetary Authority of Singapore (MAS) หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้จะกำหนดมาตรฐานสำหรับผู้ให้บริการทางการเงินทั้งหมดที่จะปฏิบัติตาม เช่น เกี่ยวกับการลงทะเบียน การออกใบอนุญาต และข้อกำหนดในการตรวจสอบ และสามารถเข้าขัดขวางการทำธุรกรรมได้หากพบว่าผู้ให้บริการละเมิดกฎหมายหรือกฎระเบียบ

ผลก็คือ เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์มีระดับความมั่นใจมากขึ้นว่า บริการการซื้อขายที่ตนสมัครนั้นเป็นธรรมและมีจริยธรรม

 

คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์หลักในการซื้อขายมีอะไรบ้าง

คู่สกุลเงินที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและมีการซื้อขายมากที่สุดเรียกว่า "คู่สกุลเงินหลัก" คู่สกุลเงินหลักคือการจับคู่เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่ซื้อขายกับหนึ่งในเจ็ดสกุลเงินหลักอื่นๆ ได้แก่ ยูโร (EUR), ปอนด์อังกฤษ (GBP), ฟรังก์สวิส (CHF), เยนญี่ปุ่น (JPY), ดอลลาร์แคนาดา (CAD), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) หรือดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสี่คู่ตามปริมาณได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ USD/CHF

ส่วนคู่สกุลเงินนอกเหนือจากนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ จะเรียกว่า "คู่สกุลเงินรอง" หรือ "คู่สกุลเงินเกิดใหม่" คู่สกุลเงินเหล่านี้ยังคงมีมูลค่าสูงและมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างมาก แต่โดยปกติจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินหลัก

โปรดทราบว่าไม่มีคู่สกุลเงินที่ถูกหรือผิดให้ซื้อขาย ในขณะที่คู่สกุลเงินหลักมีลักษณะเด่นคือสภาพคล่องสูงสุด แต่ตลาดก็มีความผันผวนในหลายๆ ด้าน ซึ่งมักเป็นเพราะข่าวเศรษฐกิจที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับประเทศหรือสกุลเงินนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ สิ่งนี้จะส่งผลต่อการกำหนดราคาตลาด เทรดเดอร์จึงควรมีติดตามสภาพตลาดโดยรวมให้เป็นนิสัย เพื่อหาโอกาสที่ดีที่สุดให้ตัวเองและรูปแบบการซื้อขายและกลยุทธ์ของตน

นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรตระหนักว่าไม่ใช่ทุกสกุลเงินที่มีการซื้อขายแบบไม่หยุดนิ่ง แม้ว่าตลาดจะเปิดทำการเจ็ดวันต่อสัปดาห์ก็ตาม ควรมีการเผื่อเวลาและจังหวะสำหรับวันหยุดนักขัตฤกษ์ของประเทศนั้นๆ ที่สามารถทำให้คุณต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราวได้ ปฏิทินเศรษฐกิจก็มีประโยชน์ในการช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการปิดตลาดตามกำหนดเวลา ในขณะที่ตารางสเปรดแบบสดจะให้ข้อมูลที่กระชับเกี่ยวกับการกำหนดราคาตลาดในปัจจุบัน

การเปรียบเทียบคู่สกุลเงินฟอเร็กซ์: คู่หลัก คู่รอง หรือคู่เกิดใหม่

คู่สกุลเงินหลัก

คู่สกุลเงินรอง

คู่สกุลเงินเกิดใหม่

EUR/USD EUR/GBP EUR/TRY
USD/JPY EUR/JPY USD/HKD
GBP/USD GBP/JPY USD/ZAR
USD/CHF GBP/CAD JPY/NOK
USD/CAD CHF/JPY NZD/SGD
AUD/USD EUR/AUD GBP/ZAR
NZD/USD NZD/JPY AUD/MXN

 

การซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร

การซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นการซื้อและขายสกุลเงิน เหมือนกับตอนที่คุณแลกเปลี่ยนเงินจริงโดยใช้ธุรกรรมฟอเร็กซ์เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ การซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นเกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งในขณะที่ขายอีกสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมๆ กัน ความแตกต่างที่สำคัญคือ การซื้อขายฟอเร็กซ์ทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อพยายามสร้างผลกำไรจากการแลกเปลี่ยน

การซื้อขายฟอเร็กซ์ทั้งหมดล้วนต้องมีสองสกุลเงิน เนื่องจากราคาของสกุลเงินมีความผันผวนในตลาดเปิด ตัวอย่างเช่น เนื่องจากปัจจัยอุปสงค์และอุปทาน เทรดเดอร์จะคาดการณ์ว่ามูลค่าของสกุลเงินหนึ่งจะแข็งค่าหรือลดลงเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง หากเทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางตลาดอย่างถูกต้อง พวกเขาก็สามารถทำกำไรได้ ถ้าไม่เช่นนั้น พวกเขาก็จะขาดทุน โดยพื้นฐานแล้ว การสร้างผลกำไรจากการซื้อขาย FX นั้นง่ายเหมือนกับการซื้อถูกและขายแพงหรือในทางกลับกัน

การทำกำไรแบบหลายทิศทางนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อหรือการเป็นเจ้าของสกุลเงินอ้างอิง ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนแบบทั่วไป แต่เทรดเดอร์จะเก็งกำไรเฉพาะการเปลี่ยนแปลงราคาโดยใช้อนุพันธ์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่าสัญญาการซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ข้อได้เปรียบที่สำคัญของการซื้อขาย CFD ก็คือ เทรดเดอร์สามารถสร้างกำไรโดยการเก็งกำไรเมื่อราคาลดลง ซึ่งแตกต่างจากหุ้นหรือสินทรัพย์ทางกายภาพ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อราคาเพิ่มขึ้นเหนือระดับที่คุณจ่ายไปเท่านั้น

 

การซื้อขายฟอเร็กซ์มีขั้นตอนอย่างไร

มาดูตัวอย่างง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนการซื้อขายฟอเร็กซ์กัน:

สมมติว่าคุณเชื่อว่าเงินยูโร (EUR) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณคิดว่ามูลค่าของ EUR จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ USD

คุณเปิดบัญชีซื้อขายออนไลน์และตัดสินใจซื้อ 10,000 หน่วยของคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน 1.1000 ขนาดรวมของสถานะการซื้อขาย CFD ของคุณจะเท่ากับ

10,000 EUR x 1.1000 = $11,000

ตอนนี้การซื้อขายของคุณเปิดอยู่ สมมติว่าอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD เพิ่มขึ้นเป็น 1.1200 และคุณตัดสินใจที่จะปิดสถานะการซื้อขาลง ณ จุดนั้น ความแตกต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนตอนเปิดและตอนปิดคือ 0.0200 (1.1200 – 1.1000) คุณซื้อขาย 10,000 หน่วย ดังนั้นการคำนวณกำไรของคุณจึงมีมูลค่าเท่ากับ

0.0200 x 10,000 = $200

เนื่องจากมูลค่าของ EUR เพิ่มขึ้นคุณจึงทำกำไรได้ $200

อย่างไรก็ตาม หากอัตราแลกเปลี่ยนไม่เป็นไปตามที่คุณคาดคิด คุณก็จะขาดทุน ตัวอย่างเช่น หากราคา EUR ลดลงจาก 1.1000 เป็น 1.0900 (ส่วนต่าง 0.0100) การขาดทุนของคุณก็จะเท่ากับ

0.0100 x 10,000 = $100

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ความผันผวนเล็กน้อยในการกำหนดราคาส่งผลได้ ดังนั้นเมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ สิ่งสำคัญคือต้องเสี่ยงกับสิ่งที่คุณสามารถสูญเสียได้เท่านั้น

 

อะไรคือความแตกต่างระหว่างการซื้อและการซื้อขายฟอเร็กซ์

  • การซื้อฟอเร็กซ์: วิธีนี้มักจะหมายถึงการแลกเปลี่ยนสกุลเงินทางกายภาพหนึ่งไปเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นรูปแบบเงินสดหรือดิจิทัล (เช่น สกุลเงินหรือบัตรเครดิต) แต่การซื้อฟอเร็กซ์มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณจำเป็นต้องใช้สกุลเงินต่างประเทศทันที เช่น เมื่อไปเที่ยวพักร้อนที่ต่างประเทศที่คุณต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น อาหารหรือที่พักโดยใช้สกุลเงินของประเทศนั้นๆ
  • การซื้อขายฟอเร็กซ์: วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาของคู่สกุลเงิน โดยมีเป้าหมายที่จะทำกำไรจากความผันผวนของราคา การซื้อขายฟอเร็กซ์ทำผ่านตัวกลาง เช่น โบรกเกอร์ออนไลน์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ (เช่น CFD) เมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์จะไม่ได้เป็นเจ้าของสกุลเงินแต่จะเข้าสู่สัญญาที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาของคู่สกุลเงินอ้างอิงนั้นๆ แทน จุดมุ่งหมายคือการซื้อคู่สกุลเงินในราคาที่ถูกและขายในราคาที่แพง (หรือในทางกลับกัน) เพื่อสร้างผลกำไร การซื้อขายฟอเร็กซ์จะดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์บนแพลตฟอร์มการซื้อขาย และสามารถเปิดและปิดสถานะได้ภายในไม่กี่วินาที หรือถือเป็นระยะเวลานาน โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขาย

 

ทำไมต้องซื้อขายฟอเร็กซ์

เหตุผลหลักในการซื้อขายฟอเร็กซ์คือ ศักยภาพในการสร้างผลกำไรโดยการซื้อขายคู่สกุลเงิน

การซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นวิธีเริ่มการลงทุนที่เป็นที่นิยม โดยใช้เงินทุนจำนวนค่อนข้างน้อยและรวมกับการใช้เลเวอเรจ ทำให้ได้รับการซื้อขายที่มีมูลค่ามากขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากการซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นผลิตภัณฑ์ CFD เทรดเดอร์จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง ด้วยการซื้อขาย FX สิ่งที่คุณกำลังทำคือการซื้อขายการเคลื่อนไหวของราคาตามเวลาจริงของสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดเปิด โปรดทราบว่า แม้ว่าการซื้อขายแบบเลเวอเรจจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ก็สามารถทำให้ขาดทุนได้มากขึ้นเช่นกัน

ตลาด FX แบบ 24 ชั่วโมงยังให้ความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นมากมาย คุณจึงสามารถซื้อขายในช่วงเวลาต่างๆ ในแต่ละวันได้ จุดนี้อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่ต้องทำงานเต็มเวลาหรือพาร์ทไทม์ เพราะการซื้อขายสามารถทำได้นอกเวลาทำงานปกติ

 

วิธีการซื้อขายฟอเร็กซ์

โบรกเกอร์จะให้บริการผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ และบริการเต็มรูปแบบที่ช่วยให้คุณสามารถซื้อขายสกุลเงินออนไลน์ได้

หากจะใช้วิธีนี้ เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์จะใช้ซอฟต์แวร์การซื้อขายฟรี ซึ่งโบรกเกอร์มักจะเตรียมไว้ให้ เพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากหุ้นแบบทั่วไป ซึ่งจะต้องเพิ่มมูลค่าเมื่อเทียบกับการลงทุนเริ่มต้น เทรดเดอร์ FX สามารถเก็งกำไรว่าราคาจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ดังนั้นพวกเขาอาจทำกำไรหรือขาดทุนไม่ว่าตลาดจะเป็นไปในทางใดก็ตาม

ทุกคนสามารถเข้าถึงตลาด FX ได้สะดวกเพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีซื้อขาย และสามารถซื้อขายได้จากทุกที่ในโลกตลอดเวลาที่ตลาดเปิดอยู่ ด้านล่างนี้เป็นคำแนะนำสำหรับวิธีการเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์กับโบรกเกอร์ออนไลน์

บัญชีทดลองอาจเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกซื้อขายโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินของคุณเอง และเมื่อคุณพร้อมที่จะเริ่มซื้อขายจริงๆ ก็ให้เริ่มต้นจากจำนวนเงินไม่มากเพื่อลดความเสี่ยงหากการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คุณคิด

  1. เลือกโบรกเกอร์: สิ่งสำคัญที่ต้องหาโบรกเกอร์ที่มีระเบียบข้อบังคับ ชื่อเสียง เครื่องมือและแพลตฟอร์มการซื้อขาย ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอหลากหลาย และแหล่งข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือและการศึกษา
  2. เปิดบัญชี: คุณจะมีบัญชีให้เลือกโดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการซื้อขายที่คุณต้องการ (ตัวอย่างเช่น บัญชีมาตรฐานหรือบัญชีมืออาชีพ) แต่บัญชีซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์ทั้งหมดควรเปิดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ขั้นตอนการสมัครควรตรงไปตรงมา แต่โปรดทราบว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยและการป้องกันการฉ้อโกงทำให้โบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงมักขอให้คุณยืนยันตัวตนก่อนที่บัญชีของคุณจะได้รับการยืนยัน ในขั้นตอนนี้ คุณควรได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม/ซอฟต์แวร์การซื้อขาย
  3. เติมเงินทุน: เมื่อเปิดบัญชีของคุณเสร็จแล้วและคุณสามารถเข้าใช้งานบัญชีได้ ให้ฝากเงินทุนก้อนแรกเพื่อให้มีเงินพร้อมที่จะซื้อขายด้วย ในระหว่างการตั้งค่าบัญชี คุณจะเห็นตัวเลือกให้เลือกสกุลเงินที่ต้องการใช้ (เช่น USD, EUR หรือ GBP)
  4. เลือกคู่สกุลเงินเพื่อซื้อขาย: หลังจากเติมเงินทุนเข้าบัญชีแล้ว ให้เริ่มพิจารณาว่าคุณต้องการซื้อขายคู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ใด โบรกเกอร์ทุกรายจะเสนอสกุลเงินหลัก เช่น USD, EUR, CHF, GBP, AUD, CAD และอื่นๆ ในขณะที่บางรายอาจเสนอสกุลเงินรองหรือสกุลเงินเกิดใหม่ด้วย
  5. เลือกกลยุทธ์การซื้อขาย: ก่อนจะเริ่มซื้อขายครั้งแรก คุณต้องพิจารณาเป้าหมายของตัวเองและวิธีที่คุณจะทำให้ได้ตามเป้าหมายนั้น สิ่งที่ควรพิจารณาได้แก่ สกุลเงินที่คุณจะเลือก ขนาดการซื้อขาย จำนวนเงินที่คุณพร้อมที่จะเสี่ยงกับการซื้อขายนั้นๆ และจะใช้ Stop-loss และ Take-profit หรือไม่ การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานสามารถเป็นประโยชน์ในขั้นตอนนี้ได้เช่นกัน
  6. ส่งคำสั่งซื้อขาย: หลังเลือกกลยุทธ์การซื้อขายได้แล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาส่งคำสั่งซื้อขาย ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการยืนยันคู่สกุลเงินที่คุณต้องการซื้อขาย การเลือกจำนวนเงินที่คุณต้องการลงทุน ทิศทางการซื้อขาย (ซื้อหรือขาย) และการกำหนดระดับ Stop-loss และ Take-profit
  7. เฝ้าติดตาม: เมื่อเปิดการซื้อขายแล้ว คุณจะต้องคอยตรวจสอบว่ามีการติดตามดูราคาตามที่ตั้งใจไว้ หากตลาดไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการ คุณก็มีตัวเลือกในการปิดการซื้อขายได้เสมอ ทั้งเพื่อล็อกผลกำไรหรือเพื่อจำกัดการขาดทุน

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานในการซื้อขายฟอเร็กซ์

มีการวิเคราะห์หลักสองประเภทที่ใช้ในการซื้อขาย คือ ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค: วิธีนี้หมายถึงการใช้วิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดูลักษณะรูปแบบของกราฟ ซึ่งอาจช่วยคาดการณ์ราคาในอนาคต การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการมองว่า ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคู่สกุลเงิน “มีราคาอยู่แล้ว” ดังนั้นทฤษฎีก็คือ หากรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเกิดขึ้นซ้ำๆ ในอดีต การจดจำรูปแบบนั้นได้ก็สามารถช่วยให้เทรดเดอร์คาดการณ์อนาคตได้ทันที
  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: เทรดเดอร์ FX จะใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อพิจารณาเหตุผลทางเศรษฐกิจหรือนโยบายพื้นฐานเพื่อดูความผันผวนของราคาของสกุลเงิน แนวคิดหลักที่อยู่เบื้องหลังการวิเคราะห์แบบนี้ก็คือ หากเศรษฐกิจพื้นฐานของสกุลเงินนั้นๆ ถูกคาดการณ์ว่าจะทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศอื่นๆ มูลค่าของสกุลเงินนั้นก็จะเพิ่มขึ้น และในทางกลับกัน

 

กราฟประเภทใดที่ใช้ในการซื้อขายฟอเร็กซ์มากที่สุด

มีแผนภูมิหลายประเภทที่สามารถใช้เมื่อต้องวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์ ดังนั้นการตัดสินใจว่าจะใช้แผนภูมิใดมักจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายหรือประเภทของการวิเคราะห์ที่ต้องการ ต่อไปนี้เป็นประเภทกราฟสามประเภทที่เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์นิยมที่ใช้กัน

  • กราฟเส้น: กราฟเส้นแสดงมุมมองที่ชัดเจนและง่ายขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน และทำงานได้ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นตลาดอย่างรวดเร็วว่าราคากำลังจะไปในทิศทางใด กราฟประเภทนี้จะแสดงราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยปกติจะแสดงด้วยเส้นโค้งต่อเนื่องที่เชื่อมต่อจุดที่แสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด
  • กราฟแท่ง: กราฟแท่งเป็นกราฟเส้นที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น กราฟประเภทนี้จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับราคาเปิด ราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิด ดังนั้นจึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อย่อว่ากราฟ "OHLC"
  • กราฟแท่งเทียน: แม้ว่ากราฟแท่งเทียนจะดูซับซ้อนในตอนแรก แต่จริงๆ แล้วอ่านค่อนข้างง่าย แท่งเทียนแสดงถึงจุดราคาหลัก 4 จุดภายในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยปกติช่วงเวลาที่ว่านี้สามารถตั้งค่าเป็น 1 นาที, 5 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง, รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน ฯลฯ ตัวแท่งเทียนจะมีสีเขียว (หรือจะว่างเปล่า) หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดของช่วงเวลานั้น (เช่น ราคาเพิ่มขึ้น) หากตัวแท่งมีสีแดง (หรือข้างในเป็นสีดำ) ราคาจะลดลงภายในช่วงเวลาดังกล่าว ความสามารถในการอ่านกราฟแท่งเทียนและทำความเข้าใจรูปแบบแท่งเทียนเป็นขั้นตอนแรกๆ ก่อนที่จะใช้เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง

 

ข้อดีของการซื้อขายฟอเร็กซ์:

การซื้อขาย Forex มีข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อมองเทียบกับการลงทุนรูปแบบอื่นๆ เช่น หุ้น ซึ่งได้แก่

  • การซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง: ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเข้าและออกจากตลาดได้เมื่อต้องการ ข้อได้เปรียบนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริมในขณะที่ทำงานอื่นไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหุ่นยนต์ซื้อขาย (หรือที่เรียกว่า Expert Advisor หรือ Ea) คอยช่วย ซึ่งสามารถเรียกใช้การซื้อขายโดยอัตโนมัติและลดความจำเป็นในการควบคุมการซื้อขายด้วยตนเอง
  • เลเวอเรจ: ด้วยการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจเพื่อควบคุมสถานะมูลค่าที่มากขึ้นได้โดยใช้เงินทุนที่ค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม คุณต้องจำไว้ว่าเลเวอเรจจะเพิ่มทั้งผลกำไรและการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
  • สภาพคล่องสูง: ขนาดและสภาพคล่องขนาดใหญ่ของตลาดฟอเร็กซ์ช่วยให้คุณสามารถเข้าและออกจากการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วในราคาตลาดปัจจุบัน โดยลดความเสี่ยงจากการสลิปเพจไปด้วย
  • การกระจายการลงทุน: มีคู่สกุลเงินทั่วโลกให้เลือกมากมาย ซึ่งหมายความว่าตลาดฟอเร็กซ์เปิดโอกาสในการซื้อขายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์และเหตุการณ์ในตลาดใดก็ตามที่เกิดขึ้น คุณจะพบสกุลเงินให้เล่นอยู่เสมอ
  • ค้นหาโอกาสในทิศทางตลาดใดก็ได้: เนื่องจากการซื้อขายฟอเร็กซ์ทำผ่าน CFD และคุณจะซื้อขายเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาแทนที่จะต้องลงทุนในผลิตภัณฑ์อ้างอิง คุณจึงสามารถซื้อขายเมื่อราคาของคู่สกุลเงินกำลังขึ้นหรือลง
  • ความสะดวกในการเข้าถึง: หากคุณมีคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์มือถือและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณก็สามารถเข้าถึงสิ่งที่คุณต้องการเพื่อเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์ได้ โบรกเกอร์ออนไลน์มีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่าย แหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา และบัญชีทดลอง
  • การเรียนรู้และการพัฒนา: การเรียนรู้การซื้อขายฟอเร็กซ์อาจเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นจิตใจและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ตั้งแต่เทคนิคการวิเคราะห์ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาด ผลกระทบของภูมิศาสตร์การเมืองต่อราคา และการเข้ารหัสอัลกอริทึม คุณจะพบบางสิ่งที่ต้องเรียนรู้อยู่เสมอ

 

ข้อเสียของการซื้อขายฟอเร็กซ์

เช่นเดียวกับข้อได้เปรียบ การซื้อขายฟอเร็กซ์เองก็มีข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น

  • ความผันผวน: ในขณะที่เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์จำนวนมากมีความผันผวนสูงเนื่องจากศักยภาพในการทำกำไรอย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือตลาดสามารถทำให้คุณสูญเสียได้อย่างรวดเร็ว เพื่อลดปัญหานี้ ให้ลองใช้คำสั่ง Stop-loss เพื่อจำกัดการขาดทุนให้อยู่ในขนาดที่จัดการได้
  • การซื้อขายแบบเลเวอเรจ: สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เกี่ยวกับเลเวอเรจคือ วิธีนี้คือการเพิ่มทั้งกำไรและการขาดทุน เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้เลเวอเรจ คุณต้องพิจารณาว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากการซื้อขายไม่เป็นไปในแบบที่คุณคิด
  • ความซับซ้อน: แม้ว่าหลักการของการซื้อขายฟอเร็กซ์จะง่าย แต่การพัฒนาทักษะของคุณต้องใช้ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค แพลตฟอร์มการซื้อขาย และความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีอิทธิพลต่อราคาสกุลเงินนั้นๆ ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาและความพยายามในการเรียนรู้
  • ความท้าทายทางอารมณ์: เนื่องจากมีเงินเป็นเดิมพัน การซื้อขายฟอเร็กซ์อาจทำให้เกิดอารมณ์ที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกลัวและความโลภ ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นและไร้เหตุผล ซึ่งหมายความว่าวินัยทางอารมณ์คือสิ่งที่คุณต้องมีหากจะพบกับความสำเร็จในระยะยาว

โปรดจำไว้ว่า การซื้อขายฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงและคุณต้องซื้อขายโดยใช้แนวคิดที่มีระเบียบวินัย การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นด้วยขนาดการซื้อขายขนาดเล็ก แล้วค่อยๆ เพิ่มความเสี่ยงเมื่อมีประสบการณ์ และซื้อขายเฉพาะสิ่งที่คุณสามารถสูญเสียได้

 

กลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดคืออะไร

มีกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ที่แตกต่างกันมากมายให้เลือกใช้ แต่ละกลยุทธ์มีวิธีการ ระดับความเสี่ยง และไทม์ไลน์ที่แตกต่างกัน การเลือกกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์มักจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสามารถของเทรดเดอร์แต่ละคน

เมื่อเทรดเดอร์ได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของการซื้อขายฟอเร็กซ์และความเข้าใจในตลาดมากขึ้น กลยุทธ์ที่ครอบคลุมหลายอย่างก็สามารถนำมาใช้พร้อมกันกับผลิตภัณฑ์การซื้อขายหลายรายการ เพื่อสร้างโปรไฟล์การซื้อขายที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งตอบสนองต่อสภาวะตลาดและวัตถุประสงค์เฉพาะ

แม้ว่าจะไม่มีกลยุทธ์ใดรับประกันว่าจะได้ผลทุกครั้ง แต่ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ได้รับความนิยม

  • การซื้อขายระยะสั้น: การซื้อขายระยะสั้นเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลายครั้งตลอดทั้งวันเพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาระยะสั้น เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้มักจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพึ่งพากราฟ ตัวบ่งชี้ และรูปแบบเพื่อระบุจุดเข้าและจุดออกที่อาจเกิดขึ้น
  • การซื้อขายรายวัน: การซื้อขายรายวันเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายเครื่องมือทางการเงินภายในวันซื้อขายเดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากการซื้อขายระยะสั้น เทรดเดอร์รายวันอาจถือสถานะเป็นระยะเวลานานขึ้น ตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายชั่วโมง
  • การซื้อขายแบบสวิง: การซื้อขายแบบสวิงเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่เทรดเดอร์อาจเปิดสถานะไว้เป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือนานกว่านั้น ซึ่งได้รับผลกระทบน้อยลงจากความผันผวนของราคารายวันและโฟกัสไปที่แนวโน้มโดยรวมมากขึ้น
  • การซื้อขายด้วยข่าว: นี่คือกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์พยายามทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ถูกกระตุ้นโดยเหตุการณ์ข่าวสำคัญต่างๆ โดยอาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่เหตุการณ์ที่กำหนดไว้ เช่น การประชุมธนาคารกลางหรือการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้น
  • การซื้อขายแบบ Price Action: การซื้อขายแบบ Price Action เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการตัดสินใจตามการเคลื่อนไหวของราคาของเครื่องมือบางชนิด แทนที่จะใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค ซึ่งกลายเป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุน
  • การซื้อขายตามเทรนด์: กลยุทธ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการระบุโอกาสทางการซื้อขายตามทิศทางเทรนด์ โดยมีความคาดหวังว่า เครื่องมือการซื้อขายจะยังคงเคลื่อนไหวตามในทิศทางปัจจุบัน (ขึ้นหรือลง)
  • การซื้อขายแบบจำกัดขอบเขต: เทรดเดอร์แบบจำกัดขอบเขตจะมองหาเครื่องมือการซื้อขายที่ไม่ได้มีแนวโน้ม แต่กำลังมีการพักราคาอยู่ในช่วงที่กำหนด โดยเป็นได้ทุกอย่างตั้งแต่ 20 pip ไปจนถึงหลายร้อย pip ซึ่งราคาจะค้างอยู่ในเส้นแนวรับและแนวต้าน
  • การซื้อขายสถานะ: จุดมุ่งหมายของการซื้อขายสถานะคือ การหาโอกาสจากการเคลื่อนไหวของแนวโน้มในระยะยาว ในขณะที่ไม่สนใจสิ่งรบกวนระยะสั้นที่เกิดขึ้นทุกวัน เทรดเดอร์ที่ใช้รูปแบบการซื้อขายประเภทนี้อาจเปิดสถานะไว้นานหลายสัปดาห์ หลายเดือน และในบางกรณีอาจเป็นปี

 

การบริหารความเสี่ยงในฟอเร็กซ์

เทรดเดอร์มืออาชีพและเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายคนทั่วโลกเชื่อว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในความสำเร็จในการซื้อขายของตน ต่อไปนี้เป็นข้อควรพิจารณาที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงฟอเร็กซ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงความสำเร็จในระยะยาวของการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ

  • รู้โปรไฟล์ความเสี่ยงของคุณ: คุณเป็นนักเสี่ยงตัวยงใช่ไหม หรือคุณต้องการรับความเสี่ยงที่น้อยกว่าและคำนวณได้มากกว่า การรู้โปรไฟล์ความเสี่ยงของคุณเองหรือ “ความอยากความเสี่ยง” เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณสามารถปรับกลยุทธ์การซื้อขายได้ตามความเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับระดับการรับความเสี่ยงของคุณ
  • การปรับขนาดสถานะ: จำนวนเงินที่คุณจัดสรรให้กับการซื้อขายแต่ละครั้งอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเสี่ยง ยิ่งขนาดสถานะของคุณใหญ่ขึ้น โอกาสทำกำไรและขาดทุนก็จะมากขึ้นเท่านั้น หรือในทางกลับกัน ยิ่งขนาดสถานะเล็กลงเท่าใด การซื้อขายก็ยิ่งสามารถจัดการได้มากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าอาจหมายถึงศักยภาพในการทำกำไรและขาดทุนก็น้อยลงด้วย การทำความเข้าใจเทคนิคการปรับขนาดสถานะที่เหมาะสมสามารถส่งผลได้ในระยะยาว ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะสามารถรักษาเงินทุนการซื้อขายของคุณได้ในระยะยาว
  • Stop loss: หนึ่งในประโยชน์ของแพลตฟอร์มการซื้อขายสมัยใหม่คือคุณสามารถใช้การตั้งค่าระดับ Stop-loss ได้ ซึ่งเป็นราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยการซื้อขายของคุณจะปิดโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนเพิ่มเติม การตั้ง Stop Loss สำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งของคุณเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย ดังนั้นให้ใช้ Stop Loss เพื่อประโยชน์ของคุณเอง
  • เลเวอเรจ: เช่นเดียวกับ stop loss คุณสามารถตั้งค่าล่วงหน้าหรือเปลี่ยนระดับเลเวอเรจที่คุณต้องการใช้กับการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณ เลเวอเรจช่วยให้คุณสามารถขยายเงินทุนจำนวนเล็กน้อยเพื่อรับความเสี่ยงจากสถานะการซื้อขายที่ใหญ่ขึ้น และขยายผลกำไร แต่คุณก็ต้องระวังว่าเลเวอเรจก็ทำให้ขาดทุนมากขึ้นได้ด้วย
  • จิตวิทยาการซื้อขาย: เช่นเดียวกับการรู้โปรไฟล์ความเสี่ยงของคุณเอง สิ่งสำคัญคือต้องรู้จิตวิทยาการซื้อขายของคุณเองด้วย ซึ่งหมายถึงการซื่อสัตย์กับตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับผลกำไรหรือการขาดทุนจำนวนมากในตลาด คุณพบกับการขาดทุน แล้วทำการซื้อขายมากเกินไปเพื่อพยายามทำเงินคืนหรือไม่ คุณทำกำไรได้ต่อเนื่องและทำการซื้อขายที่ไม่ดีเพราะตัวเองมั่นใจมากเกินไปหรือไม่ หากคุณรู้จิตวิทยาของตัวเองและเข้าใจว่าคุณจัดการกับสภาวะตลาดที่แตกต่างกันอย่างไร คุณก็จะเตรียมพร้อมตัวเองได้ดีสำหรับสถานการณ์ต่างๆ
  • กฎ 1%: เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์บางคนใช้กฎง่ายๆ ที่ตนไม่เคยเสี่ยงมากกว่า 1% ของเงินทุนการซื้อขายของตน กฎนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากหมายความว่า การขาดทุนที่ไม่คาดคิดจะไม่กวาดล้างบัญชีของคุณ และคุณจะสามารถทำการซื้อขายต่อไปได้

 

พร้อมที่จะเทรดในความได้เปรียบในแบบของคุณหรือยัง?

เข้าร่วมกับเทรดเดอร์หลายหมื่นรายและซื้อขายหุ้น CFD ในฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล!

 

 

ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำ หรือข้อเสนอในการซื้อหรือขาย หรือการชักชวนเกี่ยวกับข้อเสนอในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือเครื่องมือทางการเงินใดๆ หรือให้เข้าร่วมในกลยุทธ์การซื้อขายใดๆ ข้อมูลนี้ได้รับการจัดเตรียมโดยไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์ สถานการณ์ทางการเงิน หรือความต้องการของคุณ การอ้างอิงผลการดำเนินงานในอดีตและการคาดการณ์ต่างๆ ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือสำหรับผลในอนาคต Axi ไม่รับรองและไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเนื้อหาในสิ่งพิมพ์นี้ ผู้อ่านควรหาคำแนะนำด้วยตนเอง

FAQ


การซื้อขายฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงหรือไม่

เช่นเดียวกับการลงทุนทุกรูปแบบ การซื้อขายฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงโดยธรรมชาติ ความผันผวนของตลาดสกุลเงินอาจนำไปสู่ความผันผวนของราคาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดกำไรหรือขาดทุนได้ เทรดเดอร์สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้โดยใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่กำหนดไว้อย่างดี เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม วิธีการที่มีระเบียบวินัย และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับตลาดการเงินและสภาวะตลาด


โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง

เทรดเดอร์รายย่อยเข้าถึงตลาดฟอเร็กซ์โดยใช้โบรกเกอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่อำนวยความสะดวกในการให้บริการซื้อขายเฉพาะทาง รวมถึงการเข้าถึงสภาพคล่อง แพลตฟอร์มการซื้อขาย และการสนับสนุน โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์มีสามประเภทหลัก ดังนี้

  • ผู้ดูแลสภาพคล่องทำหน้าที่เป็นคู่สัญญากับเทรดเดอร์รายย่อย ในข้อตกลงนี้ เมื่อเทรดเดอร์ขาดทุนโบรกเกอร์ก็ได้กำไร รวมถึงในทางกลับกันด้วย
  • Electronic Communications Network (ECN) ถูกใช้โดยธนาคารและสถาบันการเงินรายใหญ่ที่คอยให้ข้อมูลราคาแก่สภาพคล่อง "กลุ่ม" ECN โบรกเกอร์เข้าถึงกลุ่ม ECN นี้ ส่งต่อการเสนอราคาที่ดีที่สุด และเสนอราคา ซึ่งมักจะส่งผลให้สเปรดต่ำสำหรับเทรดเดอร์
  • โบรกเกอร์ Straight Through Processing (STP) ทำงานคล้ายกับโบรกเกอร์ ECN โดยเชื่อมต่อเทรดเดอร์กับผู้ให้บริการสภาพคล่อง ความแตกต่างหลักคือโบรกเกอร์ STP จะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องเป็นรายบุคคล


ฉันจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์หรือไม่

ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเงินจำนวนมากเพื่อเริ่มต้นการซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณสามารถเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยเงินเพียง $10 ได้ แต่บางแพลตฟอร์มอาจกำหนดให้ต้องใช้เงินทุนมากกว่านั้นในการเริ่มต้น บางรายก็มีขั้นต่ำสูงถึง $500 

เหตุผลที่คุณสามารถเริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่น้อยกว่าก็เพราะคุณสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มการลงทุนเริ่มต้นของคุณได้ เลเวอเรจสามารถใช้เพื่อรับสถานะขนาดเล็กและรับความเสี่ยงกับสถานะที่มีมูลค่ารวมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณต้องตระหนักว่าแม้เลเวอเรจจะเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรได้มากขึ้นจากการลงทุนที่น้อยกว่า แต่ก็เพิ่มศักยภาพในการขาดทุนได้มากขึ้นเช่นกัน ยิ่งคุณใช้เลเวอเรจสูง ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว จำนวนเงินที่คุณเลือกซื้อขายก็ขึ้นอยู่กับคุณ 


เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์สามารถทำเงินได้เท่าใด

แม้ว่าในทางเทคนิคจะไม่มีการจำกัดจำนวนเงินที่คุณสามารถทำเงินได้ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แต่ความจริงก็คือ ไม่ใช่ว่าคุณจะทำเงินได้ในทุกการซื้อขาย ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรไปทุกครั้ง  

การซื้อขายฟอเร็กซ์มีปัจจัยหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แนวโน้มทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ ไปจนถึงกลยุทธ์ที่คุณปฏิบัติตามและแนวทางในการรับมือกับความเสี่ยง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าแต่ละบุคคลสามารถสร้างรายได้ (หรือขาดทุน) ได้มากเพียงใด 

โอกาสในการทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของคุณจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณซื้อขายมากขึ้น และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความผันผวนของสกุลเงิน นอกจากนี้ คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่าเป้าหมายรายได้ที่คาดหวังและบรรลุผลสำเร็จคืออะไร 


ฉันสามารถซื้อขายฟอเร็กซ์แบบพาร์ทไทม์ขณะทำงานเต็มเวลาได้หรือไม่

ได้ การซื้อขายฟอเร็กซ์มีความยืดหยุ่นและสามารถทำได้แบบพาร์ทไทม์พร้อมกับภาระผูกพันอื่นๆ รวมถึงการทำงานเต็มเวลา ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ห้าวันต่อสัปดาห์ ช่วยให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่สามารถเลือกชั่วโมงการซื้อขายที่เหมาะสมกับตารางเวลาของตนได้ แม้ว่าแอปการซื้อขายและเครื่องมือการจัดการการซื้อขายสมัยใหม่จะทำให้การวิเคราะห์ตามความสะดวกของคุณง่ายขึ้น แต่ควรคำนึงถึงเวลาที่เพียงพอในการวิเคราะห์การซื้อขาย การตรวจสอบ การอัปเดตตลาด และความรับผิดชอบหลักอื่นๆ ด้วย 


ใช้เวลานานแค่ไหนในการเป็นเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จ

เวลาที่ใช้ในการเป็นเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปัจจัยต่างๆ ประกอบด้วยความมุ่งมั่นของแต่ละบุคคลในการเรียนรู้ ความรู้และประสบการณ์ในการซื้อขาย ประสิทธิภาพของกลยุทธ์การซื้อขาย และเวลาที่สามารถทุ่มเทให้กับการบรรลุเป้าหมายการซื้อขายของตน ความสำเร็จในการซื้อขายถือเป็นแบบฝึกหัดระยะยาว ที่ต้องฝึกฝน เรียนรู้ และปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการเรียนรู้จากความล้มเหลวก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวด้วยเช่นกัน  


สกุลเงินข้างหน้าและสกุลเงินข้างหลังคืออะไร

ทุกสกุลเงินมีรหัสสกุลเงินสามหลักของตัวเอง (เช่น GBP สำหรับปอนด์อังกฤษ และ USD สำหรับดอลลาร์สหรัฐ) การซื้อขายฟอเร็กซ์เกี่ยวข้องกับสองสกุลเงินซึ่งเรียกว่า คู่สกุลเงิน ราคาของสกุลเงินแรกจะแปลงเป็นสกุลเงินที่สอง  

เมื่อคุณตัดสินใจได้ว่าต้องการเทรดสองสกุลเงินใด ให้คำนวณว่าต้องใช้สกุลเงินข้างหลัง (สกุลเงินที่สอง) เป็นจำนวนเท่าใดเพื่อซื้อสกุลเงินข้างหน้า (สกุลเงินแรก) หนึ่งหน่วย 

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าหนึ่งดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ในราคาตลาดปัจจุบันเท่ากับ $1.04 ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) การซื้อขายของคุณจะแสดงเป็น AUD/SGD โดยที่ AUD เป็นสกุลเงินข้างหน้าและ SGD เป็นสกุลเงินข้างหลัง  


ฉันจะเรียนรู้การซื้อขายฟอเร็กซ์ได้อย่างไร

เทรดเดอร์หลายคนได้รับทักษะที่จำเป็นในการซื้อขายฟอเร็กซ์โดยการผสมผสานการศึกษาด้วยตนเอง การฝึกฝน และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง หากจะเรียนรู้พื้นฐานของการซื้อขายฟอเร็กซ์และวิธีการทำงานของตลาด คุณสามารถใช้เครื่องมือการสอน เช่น บทแนะนำ การสัมมนาผ่านเว็บ วิดีโอ บทความสอนวิธีการ และการวิเคราะห์ สื่อเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่ให้บริการฟรี สามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการวิจัยเชิงลึกในสาขาเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์ตลาด เทคนิคการซื้อขาย การจัดการความเสี่ยง และจิตวิทยาการซื้อขาย 

นอกเหนือจากสื่อการเรียนรู้แล้ว เทรดเดอร์ยังสามารถได้รับประโยชน์จากบัญชีทดลองฟรีที่ให้ซื้อขายด้วยเงินจำลองในสภาพแวดล้อมที่ไร้ความเสี่ยงได้ด้วย ความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจริงจะหมดไป ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการซื้อขาย สำรวจกลยุทธ์การซื้อขายต่างๆ และนำความรู้และทักษะที่คุณได้รับจากที่อื่นไปใช้ 


Pip ในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร?

Pip ย่อมาจาก "Percentage in Points" หมายถึงการเปลี่ยนแปลงค่าของสกุลเงินที่แสดงเป็นจุดทศนิยมที่สี่ ตัวอย่างเช่น หากมูลค่า SGD อยู่ที่ $0.9630 และเพิ่มขึ้นสอง "pip" มูลค่าจะอยู่ที่ $0.9632 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pip ได้ที่นี่


ล็อตในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร

"ล็อต" ในการซื้อขายฟอเร็กซ์หมายถึงจำนวนหน่วยของสกุลเงินแรก ล็อตมาตรฐานเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินแรกในคู่การซื้อขายฟอเร็กซ์ นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อขายมินิ ไมโคร และนาโนล็อตได้ ซึ่งเท่ากับ 10,000, 1,000 และ 100 หน่วยตามลำดับ ตัวอย่างเช่น ซื้อขายล็อตมาตรฐานในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและมูลค่าของการซื้อขายนั้นเท่ากับ AUD $100,000

  • ล็อต = 100,000 หน่วยสกุลเงิน
  • มินิล็อต = 10,000 หน่วยสกุลเงิน
  • ไมโครล็อต = 1,000 หน่วยสกุลเงิน
  • นาโนล็อต = 100 หน่วยสกุลเงิน


เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร

เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์ช่วยให้คุณยอมรับการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่าปริมาณเงินในบัญชีซื้อขายของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากอัตราส่วนเลเวอเรจคือ 5: 1 แสดงว่าคุณสามารถซื้อขายด้วยเงิน 5 เท่าของเงินทุนที่คุณฝากไว้ได้ ตัวอย่างเช่น หากบัญชีมีเงิน $1,000 เทรดเดอร์ก็สามารถการซื้อขายมูลค่ารวม $5,000 ได้ 

การกำหนดค่าแบบนี้มีศักยภาพที่จะเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด ในขณะที่เพิ่มการขาดทุนไปพร้อมๆ กัน ท้ายที่สุด คุณเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้เลเวอเรจเท่าใดในแต่ละการซื้อขายที่กำหนด และคุณสามารถปรับจำนวนเลเวอเรจที่คุณวางแผนว่าจะใช้ในการซื้อขายก่อนที่คุณจะวางคำสั่งซื้อ 

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า เมื่อทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ คุณจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดมาร์จิ้นด้วย หากยอดคงเหลือของคุณต่ำกว่าข้อกำหนดมาร์จิ้น สถานะของคุณจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อขาดทุน 


มาร์จิ้นในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร

มาร์จิ้นเป็นการชำระเงินดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการซื้อขายที่มีเลเวอเรจ ให้มองว่ามาร์จิ้นเป็นเหมือนกับการซื้อบ้านที่มีการจำนอง ซึ่งคุณต้องใส่เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินทั้งหมดเพื่อทำการซื้อ  

ในการใช้เลเวอเรจเพื่อซื้อขายฟอเร็กซ์ คุณอาจต้องวางมาร์จิ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ของคุณอาจเสนอเลเวอเรจ 10: 1 หากคุณตกลงที่จะวางมาร์จิ้น $1,000 ดังนั้น การซื้อขายสามารถทำได้โดยใช้เงินของคุณเองเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อซื้อขายล็อตมาตรฐานจำนวน 100,000 หน่วย 

ในกรณีนี้ เทรดเดอร์จะต้องฝากเงินเข้าบัญชีมาร์จิ้นก่อนจึงจะสามารถซื้อขายได้ 


สเปรดในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร

"สเปรด" ในฟอเร็กซ์เป็นต้นทุนเล็กน้อยที่สร้างขึ้นเป็นราคาซื้อ (เสนอราคา) และขาย (ขอราคา) ของทุกคู่สกุลเงินที่ซื้อขาย หรือที่เรียกว่า "มาร์กอัป" 

คุณจะเห็นราคาซื้อแยกต่างหาก และราคาขายเมื่อคุณวางแผนที่จะทำการซื้อขายบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย เพียงแค่หักราคาเสนอซื้อ/ขายออกจากราคาเสนอซื้อ/ซื้อเพื่อกำหนดสเปรด โดยทั่วไปแล้ว ความแตกต่างจะเล็กน้อยมาก ตัวอย่างเช่น ราคาซื้อของคู่สกุลเงินอาจเป็น 1.1529 ในขณะที่ราคาขายอาจเป็น 1.1523 เป็นผลให้สเปรดนั้นเท่ากับ 6 pip หรือ 0.0006 เทรดเดอร์จะชอบโบรกเกอร์ที่ให้สเปรดน้อยที่สุด  


อะไรคือความแตกต่างระหว่างสถานะ Long หรือสถานะ Short ในฟอเร็กซ์

การ "Long" หมายความว่าคุณกำลังซื้อคู่สกุลเงินเพื่อคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้น การ "Short" คู่สกุลเงินหมายความว่าคุณจะขายโดยหวังว่าราคาตลาดจะลดลง 


คำสั่ง Stop-loss และ Take-profit คืออะไร

เนื่องจากลักษณะที่ผันผวนของตลาดฟอเร็กซ์ จึงมีความเสี่ยงโดยธรรมชาติที่การซื้อขายอาจไม่ทำกำไรให้คุณ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องเงินทุน คุณมีสองเครื่องมือสำคัญที่เทรดเดอร์ใช้กันทั่วไป

  • Stop-loss คือเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งธุรกรรมจะปิดตัวลงโดยอัตโนมัติ การตั้งค่านี้ถูกกำหนดโดยเทรดเดอร์ในเวลาที่มีการสั่งซื้อ สิ่งนี้สามารถช่วยเทรดเดอร์ในการหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่เกินกว่าสิ่งที่ตนจะยอมเสีย
  • แทนที่จะป้องกันการขาดทุน คำสั่ง Take-profit มีวัตถุประสงค์เพื่อล็อกผลกำไรหลังจากบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การทำกำไรให้เร็วขึ้นอาจทำให้คุณไม่สามารถทำกำไรให้มากขึ้นอีกได้ แต่จะช่วยล็อกผลกำไรเมื่อถึงระดับที่คุณยอมรับได้


คำสั่ง limit คืออะไร

ในตลาดฟอเร็กซ์ คำสั่ง "limit" จะกำหนดการซื้อหรือขายในราคาที่เจาะจงหรือราคาที่ดีกว่า  

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถกำหนด "buy limit" เพื่อซื้อเฉพาะตอนราคาเท่ากับหรือต่ำกว่าราคาที่ระบุเท่านั้น "sell limit" สามารถกำหนดให้ขายเมื่อมีราคาเท่ากับหรือสูงกว่าราคาที่กำหนดได้ เมื่อสกุลเงินมีมูลค่าเท่าราคานี้บนแพลตฟอร์ม คำสั่งซื้อของคุณจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ 


ช่องว่างในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร

แม้ว่าตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะไม่ได้เปิดเจ็ดวันต่อสัปดาห์ แต่ราคาก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงสองวันที่ไม่มีการซื้อขายกัน การเปลี่ยนแปลงราคาอย่างกะทันหันยังสามารถเกิดขึ้นได้ โดยปกติจะเกิดจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าของสกุลเงิน 

ภายใน “ช่องว่าง” เหล่านี้ในการซื้อขายปกติ ค่าสกุลเงินยังคงสามารถขึ้นหรือลงได้ ดังนั้นเทรดเดอร์บางรายจึงสร้างกลยุทธ์ที่มุ่งใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ 


อัตราสวอปคืออะไร

ในฟอเร็กซ์ "อัตราสวอป" มีอีกชื่อว่า "อัตราโรลโอเวอร์" อัตรานี้เป็นจำนวนเงินที่บวกหรือลบออกจากสถานะการถือครองข้ามคืนของคุณ 

อัตราสวอปจะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน 

เทรดเดอร์รายวันไม่ต้องกังวลมากนักเกี่ยวกับอัตราสวอป แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาหากคุณใช้กลยุทธ์ระยะยาว เพราะอาจทำให้คุณนำหน้าหรือตามหลังในแง่ของผลกำไร 


สกุลเงินที่ปลอดภัยคืออะไร

มีสกุลเงินกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นที่รู้จักอย่างไม่เป็นทางการในตลาดการซื้อขายฟอเร็กซ์ว่าเป็นสกุลเงิน "ที่หลบภัย" ซึ่งรวมถึงเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY) ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยูโร (EUR) และฟรังก์สวิส (CHF)  

สกุลเงินพวกนี้ถือว่า "ปลอดภัย" เพราะมีเสถียรภาพในอดีตและมีแนวโน้มที่จะรักษามูลค่าไว้ได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในช่วงสภาวะตลาดที่ผันผวน เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย สกุลเงินในกลุ่มนี้จะดึงดูดกิจกรรมการซื้อขายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง ในทำนองเดียวกัน คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ที่มีความผันผวนมากที่สุดบางคู่ก็มีการซื้อขายบ่อยครั้ง เพราะโอกาสที่คู่สกุลเงินเปิดกับเทรดเดอร์ 


ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่ามีการประกาศข่าวฟอเร็กซ์ที่สำคัญเมื่อใด

ปฏิทินเศรษฐกิจออนไลน์สามารถใช้เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำหนดเวลาไว้ทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของตลาดทั้งหมดหรือเฉพาะสกุลเงิน ปฏิทินเศรษฐกิจที่ดีจะประกอบด้วยข่าวสารต่างๆ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ ข้อมูลการจ้างงาน ประกาศอัตราดอกเบี้ย รายงานยอดขายปลีก ข้อมูลการส่งออก และการเติบโตของ GDP 


ทำไมปฏิทินเศรษฐกิจจึงมีความสำคัญต่อการซื้อขายฟอเร็กซ์

เศรษฐกิจทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ข้อตกลงการค้า ทรัพยากร ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความขัดแย้ง เหตุการณ์ต่างๆ เช่น การประกาศตัวเลขการว่างงานในแคนาดาและจำนวนคำขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยล่าสุดในสหราชอาณาจักร อาจส่งผลกระทบต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คำปราศรัยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เช่นเดียวกับราคาทรัพย์สินในออสเตรเลียที่เปลี่ยนแปลงไป 

การทราบประกาศสำคัญล่วงหน้าสามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในฐานะเทรดเดอร์ได้ เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ อาจให้เบาะแสว่าคู่สกุลเงินบางประเภทจะมีราคาขึ้นหรือลง   


ต้องใช้ซอฟต์แวร์อะไรในการซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์

หลังจากลงทะเบียนกับโบรกเกอร์ออนไลน์ คุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในการซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์ได้ 

MetaTrader 4 (MT4) เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และมีฟังก์ชันมากมาย รวมถึงกราฟราคาจริง การแจ้งเตือนราคา ตัวบ่งชี้ที่กำหนดเอง และเครื่องมือวิเคราะห์ แอป MT4 ซึ่งมีให้ใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตลาดได้ตามเวลาจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม  

MT4 ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนา Expert Advisor (หรือที่เรียกว่า"หุ่นยนต์ซื้อขาย") ตัวบ่งชี้ที่กำหนดเอง และสคริปต์โดยใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม MQL4 ที่พัฒนาขึ้นโดย MetaQuotes ซึ่งเป็นผู้พัฒนา MT4  

ฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายของ MT4 ทำให้เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ 



Milan Cutkovic

Milan Cutkovic

Milan Cutkovic มีประสบการณ์ในการเทรดและการวิเคราะห์ตลาดทั้งฟอเร็กซ์ ดัชนี คอมโมดิตี้ และหุ้น มาเป็นเวลากว่าแปดปี เขายังเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์รายแรกๆ ที่ได้รับการยอมรับเข้ามาใน Axi Select ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เฟ้นหาเทรดเดอร์มากความสามารถเพื่อนำมาพัฒนาให้เป็นมืออาชีพ

ควบคู่ไปกับการเป็นเทรดเดอร์ Milan เป็นผู้เขียนบทวิเคราะห์รายวันให้กับชุมชน Axi โดยใช้ความรู้ที่กว้างขวางเกี่ยวกับตลาดการเงินต่างๆ ในการจัดทำข้อมูลเชิงลึกและบทความแสดงความคิดเห็นที่เป็นเอกลักษณ์ เขาชื่นชอบการช่วยเหลือผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จในการเทรดมากขึ้น และแบ่งปันทักษะของเขาด้วยการจัดทำอีบุ๊คเกี่ยวกับการเทรดที่ครบรอบด้านและเผยแพร่บทความที่ให้ความรู้บนบล็อก Axi เป็นประจำ พอร์ทัลสื่อและหนังสือพิมพ์ระหว่างประเทศชั้นนำยังอ้างอิงผลงานของเขาอยู่บ่อยครั้งด้วย

Milan มักได้รับการอ้างอิงและกล่าวถึงในสื่อด้านการเงินต่างๆ มากมาย ทั้ง Yahoo Finance, Business Insider, Barrons, CNN, Reuters, New York Post และ MarketWatch

ทำความรู้จักกับเขาใน: LinkedIn


More on this topic

อ่านเพิ่มเติม

พร้อมที่จะเทรดในความได้เปรียบในแบบของคุณหรือยัง?

เริ่มการซื้อขายกับโบรกเกอร์ระดับโลกที่ได้รับรางวัล

ลองบัญชีทดลอง ฟรี เปิดบัญชีเทรดจริง